จากการร่วมมือกันของพันธมิตรทางวิชาการ ในนามภาคีเครือข่าย Thailand EF Partnership ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป ในการจัดทำเครื่องมือช่วยครูปฐมวัย ในการพัฒนาทักษะสมองเด็กไทยสู่ศตวรรษที่ 21 เพื่อพัฒนานวัตกรรมการออกแบบการสอน EF Guideline หรือ Executive Functions (EF) ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่พอใจ ที่สามารถช่วยครูปฐมวัย ในการพัฒนาทักษะสมองเด็กไทย เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 คือ “คิดเป็นทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และมีความสุขเป็น”
คุณสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) ในฐานะผู้จัดการโครงการ “การพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะสมองเพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชนในประเทศไทย” กล่าวว่า การที่เด็กไทย “คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอื่นเป็น และมีความสุขเป็น” นั่นหมายถึงการมีทักษะสมองเพื่อจัดการชีวิตให้สำเร็จ หรือ Executive Functions (EF) อย่างไรก็ตามครูปฐมวัยก็ต้องเปลี่ยนมุมมองและวิธีจัดการเรียนการสอนให้เป็นแบบ ActiveLearning, ผู้บริหารโรงเรียนต้องเปลี่ยนความเข้าใจต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในโรงเรียน และปรับเปลี่ยนทัศนคติมุมมองต่องานของครูปฐมวัย หันมาให้การสนับสนุนครูปฐมวัยอย่างเต็มที่, พ่อ-แม่ ผู้ปกครองชุมชน สังคม ต้องเปลี่ยนความคิด ทัศนคติ ต่อเป้าหมายด้านการศึกษาของลูกหลาน รวมถึงกระบวนการเลี้ยงดูและพัฒนาเด็ก, ระดับนโยบายของประเทศต้องเปลี่ยนความคิดความเข้าใจในการพัฒนาเด็กปฐมวัย ให้ถูกทิศทาง ไม่ตามกระแสค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็ก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทักษะสมอง EF จากสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า EF Guideline ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็น “เพื่อน คู่ คิด” ของครูปฐมวัย ใช้ประโยชน์ได้ 2 ทาง คือ ใช้เป็นแนวทางการวิเคราะห์กิจกรรมในแผนการจัดประสบการณ์เดิม และใช้เป็นแนวทางการออกแบบกิจกรรมใหม่ๆ โดยใช้องค์ประกอบแต่ละส่วนเป็นตัวนำทาง ภายใต้จุดประสงค์หลักสามอย่างคือ เป้าหมาย,กระบวนการ และการประเมิน สำคัญคือ
1.เป้าหมาย คือ การให้ความสำคัญกับการกำหนดเป้าหมายการสอนที่ชัดเจน ว่าจะนำไปสู่เป้าหมายใดเจตคติ ความรู้ หรือทักษะใด มุ่งพัฒนาทักษะสมอง EF ด้านใด รวมทั้งการกำหนดพฤติกรรมเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถประเมินได้
2.กระบวนการ คือ การให้ความสำคัญกับการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย เป็นลำดับขั้นตอน และครูเห็นได้ว่าในแต่ละขั้นตอนนั้น จะส่งเสริมทักษะสมอง EF ด้านใดบ้าง รวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นการทำงานของทักษะสมอง EF
3.การประเมิน คือ การให้ความสำคัญกับการทบทวนโอกาสในการส่งเสริมทักษะสมอง EF ที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดกิจกรรม รวมถึงการทบทวนขั้นตอน และกระบวนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คาดหวัง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแผนการจัดประสบการณ์ให้มีประสิทธิภาพในครั้งต่อไป
จากผลงานวิจัยครั้งนี้พบว่า เด็กกลุ่มทดลองที่ครูนำ EF Guideline ไปใช้ในการจัดประสบการณ์ในชั้นเรียน ส่งผลให้เด็กกลุ่มนี้มีคะแนนเฉลี่ยทักษะสมอง EF มากกว่าค่า Norm ของเด็กไทยในทุกภูมิภาค โดยมีข้อเสนอแนะจากงานวิจัยถึงการนำผลการศึกษาไปประยุกต์ใช้ระบุว่า
1.การเขียนแผนการจัดประสบการณ์โดยการใช้ EF Guideline คุณครูต้องดำเนินการอย่างทุ่มเทและต่อเนื่อง จะส่งผลต่อการพัฒนาการเขียนแผนการจัดประสบการณ์ของครู
2.การส่งเสริมการใช้ EF Guidelineให้กับคุณครูระดับปฐมวัย โดยการปรับให้มีความสอดคล้องกับบริบท สังคม และวัฒนธรรมของโรงเรียน
3.การจัดอบรมการใช้ EF Guideline ให้กับคุณครูที่มีความสนใจในระดับช่วงชั้นอื่น เพื่อขยายองค์ความรู้ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้รวมทั้งจัดให้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ EF Guideline เพื่อพัฒนาการใช้ EF Guideline ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี