18 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนนี้ (17ก.พ.) นายสมชาย อำพันธ์กาญจน์ นายอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตูม เจ้าหน้าที่ทหาร รรส.มทบ.25 และ อส. เข้าตรวจสอบ พบป้ายโครงการขุดลอกลำน้ำมูลเพื่อป้องกันอุทกภัยเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและดูแลรักษาสภาพลำน้ำมูล บริเวณบ้านสำโรงหมู่ที่ 4 บ้านโนนถั่ว หมู่ที่ 14 ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ (ได้รับอนุญาตให้ขุดลอกและดูแลรักษาสภาพลำน้ำ จากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี สำนักงานกรมเจ่าท่าภูมิภาค สาขานครราชสีมา) ใบอนุญาติเลขที่ 12 2560 เล่มที่ 125 เล่มที่ 47 วันที่ออกใบอนุญาติวันที่ 25 เม.ย.60 ปริมาณงานขุดลอกลำน้ำมูลเพื่อป้องกันอุทกภัยเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและดูแลรักษาสภาพลำน้ำมูล ขนาดกว้าง 25-30 เมตร ยาว 2,000 เมตร ลึกเฉลี่ย 2.00 เมตร หรือมีปริมาณดินขุดไม่น้อยกว่า 211 09 .50 ลบ.ม.
โดยมีรายละเอียดปริมาณงานและรายการขุดลอก ตามแบบที่ อบต.โพนครก และจากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี สำนักงานกรมเจ่าท่าภูมิภาค สาขานครราชสีมา กำหนด งบประมาณ 5,814,000 บาท วันเริ่มสัญญา 16 มิ.ย.60 วันสิ้นสุดสัญญาจ้าง 16 มิ.ย.62 ผู้รับจ้าง หจก.วินรัตน์ก่อสร้าง โดยนายประเสริฐ พรหมบุตร สัญญาจ้างเลขที่ 01/2560 ลงวันที่ 15 มิ.ย.60 ผู้ควบคุมงาน 1.นายสมจิต เสาวพาน นายช่างโยธาชำนาญการ 2.นายคมกริช นากกระเเส นายช่างโยธาปฏิบัติงาน และนายปรีชา ค้ำชู ผช.นายช่างโยธา คณะกรรมการประกอบด้วย 1.นายหรรษา หล่าแสนเมือง ประธานกรรมการ 2.นายบัณทิต ลาภจิต กรรมการ นายสุทัศน์ แสนคำ กรรมการ นายนนท์ สุขแสง กรรมการ และนายวงเดือน เสนปอภาร กรรมการ
แต่จากการตรวจสอบ ของนายสมชาย อำพันธ์กาญจน์ นายอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ พบว่ามีการใช้เครื่องจักรกล เรือดูดทรายหลายลำ จากการบินสำรวจโดยทีมข่าว พบว่ามีการขุดทราบนอกเหนือในใบอนุญาต และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นนั้น ได้มีการขุดและดูดทรายในพื้นที่ดินสาธารณประโยชน์ ทำให้ตลิ่งสองข้างลำแม่น้ำมูลพังเสียหายเป็นจำนวนมาก และมีการบุกรุกแผ้วถางป่าทำถนนยาวกว่า 4 ก.ม. ซึ่งเมื่อวันนี้ 15 ก.พ. 61 เวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา กำลังเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย นายนิวัต น้อยยาง ปลัดจังหวัดสุรินทร์ นายสมชาย อำพันกาญจน์ นายอำเภอท่าตูม พ.อ. ปองภพ จงภักดี รองเสนาธิการ มทบ.25 ร.ตอ. พ.ต.อ.ศรัล นิลวรรณ ผกก.สภ.ท่าตูม สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกับได้ร่วมกันจับกุม 1.นายชัยเกียรติ แท่นแก้ว อายุ 41 ปี ที่อยู่ 69 หมู่ที่ 6 ต.ตั้งใจ อ.เมือง จ.สุรินทร์ 2.นายนักรบ นาคแสง อายุ 45 ปี ที่อยู่ 32 หมู่ 10 ต.พรมเทพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ 3.นายธีระศักดิ์ ไม้จันทน์ดี อายุ 43 ปี ที่อยู่ 73 หมู่ที่ 4 ต.ตั้งใจ อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันบุกรุกแผ้วทางก่อสร้างเผา หรือกระทำการด้วยประการใดใดอัน เป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า โดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันลักทรัพย์ (ทราย)โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม
โดยสามารถจับกุมได้พร้อมด้วยของกลางคือ 1. รถยนต์บรรทุกพ่วงสีเขียว ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน 70-3009 สุรินทร์ และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-3010 สุรินทร์ 2. รถบรรทุกพ่วงสีเทาดำยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน82-74554 สุรินทร์ และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 82-7455 สุรินทร์ 3. รถบรรทุก 10 ล้อ สีขาว ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 82-5915 สุรินทร์ 4. รถแม็คโคร สีเหลืองยี่ห้อแคทจำนวนหนึ่งคัน 5. รถแบคโฮ สีส้ม ยี่ห้อฮิตาชิจำนวนหนึ่งคัน 6. เรือเหล็กท้องแบนดูดทราย จำนวน 2 ลำ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มดังกล่าวข้างต้น ได้รับแจ้งและร้องเรียน ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าตูม และสำนักงานนายกรัฐมนตรี จากประชาชนในพื้นที่ ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ว่า บ้านสำโรงหมู่ที่ 4 บ้านโนนถั่ว หมู่ที่ 14 ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ขอให้ไปตรวจสอบเมื่อไปถึงพบว่า มีการดูดทราย และขนทรายโดยใช้ของกลางดังกล่าวข้างต้น จึงได้แสดงตนและขอตรวจสอบใบอนุญาตดูดทรายปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไม่สามารถนำมาแสดง ได้จึงได้แจ้งข้อหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบ ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.อิทธิพล กระจายศรี สารวัตรสอบสวน สภ.ท่าตูม ได้รับตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไว้แล้วจัดให้มีการร้องทุกข์ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 57 / 2561 ของกลางตรวจยึดไว้ตามบัญชีทรัพย์สินของกลาง ลำดับที่สาม 18 2560 ตามลำดับที่ 4-5 ได้มอบให้นายทวีศักดิ์ ศรีสอน อายุ 24 ปี ที่อยู่ 76 หมู่ที่ 10 ต.ทุ่งกุลา อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นำเก็บรักษา เนื่องจากไม่สามารถนำมา สภ.ท่าตูม ได้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ใช้หลักทรัพย์ 300,000 บาท ประกันตัว ได้รับสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหามีการประกันตัวไปได้โดยนัดให้นายประกันนำตัวผู้ต้องหา
พ.ต.อ.อิทธิพล กระจายศรี สารวัตรสอบสวน สภ.ท่าตูม แจ้งว่าตามคดีอาญาที่ 57 / 2561 ปจวข้อ 3 เวลา 16.45 น. ลงวันที่ 15 ก.พ.61 ซึ่งได้ควบคุมตัวนายชัยเกลียดนายนักรบแพคนายธีระศักดิ์ ก็ต้องหาไว้ทำการสอบสวนดำเนินคดีบัตรนี้การดำเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหาได้เสร็จสิ้นแล้วได้มี นายทวีศักดิ์ ศรีสรรค์ อายุ 24 ปีที่อยู่ 76 หมู่ 10 ตำบลทุ่งสุขลาอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์มายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โดยใช้หลักทรัพย์เงินสดจำนวน 300,000 บาท เป็นหลักประกันตามใบเสร็จรับเงินที่ 35034 เลขที่ 32 ให้นาประกันรับไว้แล้วนำสัญญาประกันเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป พ.ต.อ.ศรัล นิลวรรณ ผกก.สภ.ท่าตูม ได้รับสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไว้พิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ต้องหา มีการประกันตัวไปได้ โดยนัดให้นายประกันนำตัวผู้ต้องหามารายงานตัวตามกำหนด
นายสุภาพ สมันพร้อม ส.อบต.บ้านสำโรง หมู่ที่ ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กล่าวว่า น้ำท่วมไร่นาชาวบ้านทั้ง 4 หมู่บ้าน แก้ปัญหาไม่ตกทุกปี ชาวบ้านบางเจ้ามีที่นาอยู่ข้างใน เป็นถนนเส้นทางหลัก แต่ไม่ได้ใส่ท่อ ระบบายน้ำไม่ได้ ตื้นเขิ้น น้ำไหลไม่สะดวก ทางสภา อบต.โพนครก ได้เสนอทำโครงการขุดลอกแลกเปลี่ยน โดยให้ผู้ประกอบการเอาทรายไปโดยไม่ใช้เม็ดเงินของรัฐบาล โดยการทำประชาคมสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านบ้านสำโรง หมู่ที่ ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบ จึงได้เสนอ สภาอบต.โพนครกอนุมัติ โครงการแลกเปลี่ยนโดยไม่ใช้งบประมาณ ผู้ประกอบการขุดลอก จะดูดเอาทราบไปขายหรือเอาไปทำอะไร ตนก็ไม่ทราบด้วย ชาวบ้านคาดหวัง น้ำไม่ท่วมไร่นาก็ยอมและขอให้ทำเส้นทาง ที่ติดขัด ไม่ให้ห้ามไหลเอ่อเข้าไป ก็ของให้ช่วยงางท่อให้น้ำระบายให้สะดวกก็ต้องการแค่นั้น
นายเด็น ทวีนันท์ ผู้ใหญ่บ้านสำโรง หมู่ที่ ต.โพนครก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ชาวบ้านทำการประชาคมอยากได้ทาง แต่ก่อนทางไม่มี ชาวบ้านบุกรุก จึงมีโครงการแลกเปลี่ยนของ อบต.โพนครก ปกติที่ตรงนี้เป็นน้ำมูลเก่ามีทรายมาเอ่อ ส่วนข้อตกลงการขุดลอกแม่น้ำมูล ความลึก ควาวยาวตนไม่ทราบ รู้แต่ว่าความลึก 2 เมตร ความยาว 2 ก.ม. ตามป้ายโครงการที่สัญญา ในสายตาที่มองอาจจะขุดลอกเกินความจริง แต่ก็ไม่สามารถวัดได้ เพราะตนไม่มีความชำนาญด้านนี้ ตนขอวิงวอนผ่านสื่อถึงผู้รับจ้าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ตรวจรับงาน อยากให้มีการทำงานตามสัญญา ให้ได้ประโยชน์กับชาวบ้าน น้ำจะได้ไม่ไหลเอ่อท่วมไร่นา เพราะว่าโครงการ 40 กว่าล้าน กำลังดำเนินการอยู่ ปัญหาก็จะลดลงเกี่ยวกับไร่นา สรุปโครงการนี้ไม่ได้เอื้อประโยชน์กับชาวบ้าน หากหมดสัญญาชาวบ้านก็ได้แค่ทาง
ด้าน นายสมชาย อำพันธ์กาญจน์ นายอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนเข้ามาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกได้รับโทรศัพท์ร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และ อส. มาเจอก็ตกใจ ผู้ประกอบการอ้างว่ามีใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตนจึงขอความร่วมมือให้หยุดการขุดลอก โดยการดูดทรายไว้ก่อน ให้เอาตรวจเอกสารมาตรวสอบดูก่อน ในวันต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่มาดูและสั่งการให้ปลัดจังหวัดสุรินทร์ มาดูก็มาเจอกำลังขนทราย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ สั่งให้ปลัดจังหวัดสุรินทร์ และนายอำเภอท่าตูม แจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึงขณะนี้ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยพนักงานสอบสวน สภ.ท่าตูม แจ้งกล่าวหาว่า ร่วมกันบุกรุก แผ้วทางก่อสร้างเผาป่า หรือกระทำการด้วยประการใดใดอัน เป็นการทำลายที่สาธารณะ หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า โดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันลักทรัพย์ (ทราย)โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นการจับกุม
ซึ่งการเข้ามาไม่ขออนุญาตอะไรเลย อ้างอย่างเดียวว่ามีใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ซึ่งตนต้องการความกระจ่าง จากกรมเจ้าท่า ว่าใบอนุญาตนี้ครอบคลุมขนาดไหน ฝากวิงวอนให้สื่อมวลชน ช่วยติดตามหาความกระจ่างให้ด้วย ก่อนหน้านี้ที่ตนมารับตำแหน่งนายอำเภอ ได้มีการร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ตนก็เพิ่งมาทราบข่าวเมื่อปลายเดือน ม.ค.61 ตนนำกำลังมาจับกุมในวันที่ 15 ก.พ.61 ครั้งแรกมาเห็นป้ายเลยขอเอกสารต่างๆที่เกี่ยวไปตรวจสอบ ใบอนุญาตว่าครอบคลุมขนาดไหน ตนได้สั่งห้ามแต่ปรากฏว่า ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่เชื่อฟัง ตนเข้ามาพร้อมกับปลัดจังหวัด ปรากฏว่า กำลังมีการขนทราย เลยได้ดำเนินการ ให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และ อส. บุกเข้าจับกุมดำเนินคดีดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี