กลุ่มชาวบ้านกว่า 300 คน รวมตัวหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ห้ามล่า หลังรับปาก 3 เดือนเข้าตรวจสอบแก้ไข จนปัจจุบันล่วงเลยผ่านไร้วี่แววคนลงพื้นที่ ร้องขอความจริงใจจากจังหวัด แก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จ
19 เม.ย.61 ที่บริเวณลานตะเคียนหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มชาวบ้านจากพื้นที่ อ.ชะอวด, อ.เชียรใหญ่, อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ร่อนพิบูลย์ กว่า 300 คน นำโดย นายสมยศ ขำเกิด นายกสมาคมเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเพื่อคนจนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ที่ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อขอตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดได้ทยอยได้เดินทางมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 30 นาย คุมเข้มรักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่ พร้อมกับมีการตรวจอาวุธ วัตถุระเบิดจากชาวบ้านที่เข้ามา เพื่อความปลอดภัย
นายสมยศ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาทวงสัญญาที่ทางจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แต่งตั้งคณะกรรมการลงตรวจสอบพื้นที่ของชาวบ้านผู้เดือดร้อนที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าประกาศทับพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในครั้งนั้นทางจังหวัดได้ขอระยะเวลา 3 เดือน เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จนมาถึงขณะนี้ยังไม่เห็นมีใครจากหน่วยงานไหนลงมาตรวจสอบในพื้นที่เลย ชาวบ้านก็ต่างรอคอยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อยู่ วันนี้กว่า 1,000 ครัวเรือน ที่เดินทางมาฟังคำตอบจากทางจังหวัด หากไม่ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจก็จะไม่มีใครเดินทางกลับกันอย่างแน่นอน ซึ่งทุกคนที่มาในวันนี้เป็นคนที่อยู่ในพื้นที่เป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ บางครัวมีหลักฐานมายืนยัน มีแม้กระทั่งใบเสร็จการเสียภาษีที่ดิน แต่ก็ยังมาถูกขับไล่ จึงต้องการให้ทางจังหวัดมีความจริงใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา จังหวัด หรือ เขตห้ามล่าต้องการอย่างไรก็ต้องบอกกับชาวบ้านทุกๆคน แต่ทุกคนยืนยันว่าที่ดินทำกินเป็นที่ดินที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
"ที่ดินที่เป็นของชาวบ้าน สามหมื่นกว่าไร่ จำนวน 1,000 กว่าครัวเรือน เราต้องการที่ดินทำกินคืน สิ่งหนึ่งที่เรายังคาใจก็คือที่ดินในเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากว่าแสนไร่ เมื่อมีการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเหลือเพียงหกหมื่นกว่าไร่ หายไปกว่าสามหมื่นไร่ กลายเป็นที่ของนายทุน ส่วนชาวบ้านถูกขับไล่ จึงทวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเป็นที่มาของการทางทวงถามความคืบหน้าในครั้งนี้"
อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเช้าที่ผ่านจนถึงบ่ายกลุ่มชาวบ้านที่ได้เดินทางมาเพื่อรอฟังคำตอบจากทางจังหวัดยังคงปักหลักนั่งรอคอยตัวแทนที่จะเข้ามารับเรื่องไปดำเนินการแก้ไขอยู่อย่างไร้วี่แวว โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด มีเพียงแต่เจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรม 3 คน ได้ลงมาแจ้งให้กับแกนนำทราบว่าจะต้องไปทำการขออนุญาตการชุมนุมจากทางสถานีตำรวจเสียก่อน ตามขั้นตอนระเบียบปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการเข้าข่ายการกระทำความผิด และหากมีการขออนุญาตแล้วให้ส่งตัวแทนจำนวน 5 คนมาพุดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ ซึ่งทำให้ชาวที่มาต่างมีความรู้สึกท้อใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเลือกปฏิบัติกับชาวบ้านคนจนๆ รู้สึกได้ว่าหน่วยงานราชการไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวมาเลยตั้งแต่ต้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. ตัวแทนกลุ่มที่ดินทำกินจำนวน 5 คน ที่เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ออกจากห้องประชุม พร้อมระบุ ทางคณะกรรมการขอเวลาอีก 2 เดือนนับตั่งแต่วันนี้ และพร้อมลงตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ ส่วนที่ล่าช้าเนื่องจากต้องทำการศึกษาในข้อของกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะแจ้งให้กลุ่มผู้เดือดร้อนได้รับทราบเป็นระยะๆ พร้อมทั้งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป จึงทำให้กลุ่มชาวบ้านที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่แยกย้ายกันเดินทางกลับ เพื่อรอฟังคำตอบอีกครั้งในอีก 2 เดือนข้างหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี