7 พ.ค. 61 นายธีระพงษ์ ตันติเพชราภรณ์ เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกา ต.ปากพู่ อ.กะปง จ.พังงา นำนายนิพนธ์ สุขสะอาด เกษตรจังหวัดพังงา พร้อมคณะ เข้าดูสวนทุเรียนก่อนผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือน พฤษภาคม นี้ โดยได้นำเสนอปัญหาและโรคต่างๆของทุเรียนสาลิกา ซึ่งเป็นทุเรียนพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดพังงา ที่พร้อมจะให้ผลผลิตสู่ตลาดในราคากิโลกรัมละ 250-300 บาท ในช่วงแรกของการให้ผลผลิตของทุเรียนสาลิกา อีกทั้งขอให้เกษตรกรหมั่นดูแลสวนห้ามใช้ยาฆ่าหญ้าเพื่อความเจริญเติบโตของต้นทุเรียน ขอให้เกษตรกรไม่เก็บทุเรียนสาลิกาอ่อนเพื่อแสวงหากำไรเกินควร และรักษาคุณภาพทุเรียนสาลิกาเพื่อคงมาตรฐานความอร่อย ด้านเกษตรจังหวัดพังงาแนะนำไม่ให้เกษตรกรใช้ยาฆ่าหญ้าควรใช้ตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่เกษตรควรใช้เครื่องตัดหญ้าคงวงจรธรรมชาติไว้ สำหรับรายได้คาดไม่ต่ำกว่า 200,000บาทต่อไร่
โดยนายธีระพงษ์ ตันติเพชราภรณ์ เจ้าของสวนทุเรียนสาลิกา กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสาลิกาที่พบคือต้นทุเรียนทรุดโทรมเกิดจากการติดผลแล้วไม่ได้ดูแลประกอบกับสภาพภูมิอากาศของอำเภอกะปงมีฝนตกชุกทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับเชื้อราได้ง่าย ซึ่งเกษตรกรต้องมีการปรับให้ทางเจ้าหน้าที่เกษตรเข้าแนะนำซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการเกษตร อีกทั้งเกษตรกรบางรายประสบความสำเร็จในการปลูกทุเรียนสาลิกาซึ่งสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับเกษตรกรรายอื่นได้อย่างดี บางรายใช้ยาฆ่าหญ้าเป็นปัญหาทำให้ยาฆ่าหญ้าทำลายรากต้นทุเรียนได้ จึงมีการพูดคุยระหว่างเกษตรกรและนักวิชาการต้องการให้หยุดใช้ยาฆ่าหญ้าให้หันมาใช้เครื่องตัดหญ้าทำลายวัชพืชใต้ต้นทุเรียนจะเหมาะสมกว่า
โดยจะส่งผลให้คุณภาพของทุเรียนสาลิกาดีขึ้นเนื่องจากไม่มีการใช้ยาเข้าช่วยในการให้ผลผลิต อีกปัญหาในเรื่องของการเก็บเกี่ยวพบว่ามีเกษตรกรบางรายเก็บเกี่ยวทุเรียนก่อนกำหนด เนื่องจากช่วงแรกที่ทุเรียนสาลิกาออกสู่ตลาดจะมีราคากิโลกรัมละ250-300 บาท เป็นสิ่งจูงใจให้เกษตรกรเร่งเก็บผลผลิตทำให้เจอทุเรียนอ่อน ซึ่งทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนสาลิกามีการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการตัดทุเรียนและเทคนิคในการดูแลทุเรียนด้วย ดังนั้นในปีนี้และอนาคตคาดว่าทุเรียนสาลิกาจะได้รับผลผลิตที่ดีมีมาตรฐาน และคุณภาพดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีกำลังจ่ายสูงขึ้นและได้ทุเรียนที่มีคุณภาพดีสามารถคืนได้หากไม่มีคุณภาพ
ด้านนายนิพนธ์ สุขสะอาด เกษตรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดพังงารู้สึกเป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนสาลิกา ในการดูแลรักษาแม้ว่าจะเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองทนทานต่อสภาพพื้นที่ แต่สำหรับพี่น้องเกษตรกรส่วนหนึ่งที่ยึดติดกับการใช้สารเคมี โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ฆ่าหญ้า พบว่ามีการใช้อยู่บ่อยๆ ทำให้มีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่นทำลายจุลินทรีที่อยู่ในดิน ที่สำคัญจะทำลายระบบราก ซึ่งจะทำให้เชื้อชนิดอื่น เช่น เชื้อรากเน่า โคนเน่า จะทำลายต้นทุเรียน จึงแนะนำให้ใช้สารชีวะพันธุ์อื่นในการควบคุมแมลงศัตรูพืช เป็นการช่วยเกษตรกรลดต้นทุนและป้องกันไว้ตั้งแต่แรกไม่ให้เกิดปัญหาโรคระบาดจึงจะแก้ปัญหา การดูแลดีเป็นการเพิ่มผลผลิตด้วย พบว่าทุเรียนสาลิกาอายุ 20 ปี ขึ้นไป 1 ไร่ สามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1 ตัน เป็นพืชที่ทำเงินให้เกษตรกรได้มาก แต่ละปีเกษตรกรมีรายได้ไร่ละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท สำหรับเกษตรกรที่ดูแลดี การตลาดดี มีรายได้มากกว่านี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี