ชาวทองผาภูมิเฮ จังหวัดกาญจนบุรี ประชุมถกปัญหาช้างป่าทำร้าย คนเจ็บ-ตาย และกินทำลายพืชผลทางการเกษตรเสียหาย ปลัดจังหวัดเตรียมชงพ่อเมือง ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจากช้างป่า
8 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีโขลงช้างป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 40-50 ตัว ออกมาหากินและทำลายพืชไร่ของเกษตรกร ในพื้นที่ หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 3 ของ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นเหตุทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านถูกช้างป่าทำร้ายได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 1 ราย และทำร้ายจิตอาสาขับไล่ช้างป่า เสียชีวิต 1 ราย ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดผวาไปตามๆกัน เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และชาวบ้าน ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขับไล่ให้ช้างป่าทั้งกลับเข้าไปหากินในผืนป่าชั้นใน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ช้างยังคงเข้าไปอาศัยอยู่ภายในสวนยางพาราของเกษตรกรโดยไม่กลับเข้าไป
ที่ห้องประชุมแควน้อย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกายจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ นายอนันต์ นาคนิยม ปลัดจังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อพิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จากภัยของช้างป่า
โดยมีนายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี นายกิตติศักดิ์ เอี่ยมระหงส์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี (สาขาทองผาภูมิ) นายวัลลภ พิสุทธิ์พิเชฎฐ์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สบอ.3 (บ้านโป่ง) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ และผลการพิจารณามีมติว่า จะเสนอให้นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี ลงนามในคำสั่ง ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จากช้างป่า ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ นายอนันต์ นาคนิยม ปลัดจังหวัดจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยภายหลังว่า ที่ผ่านมาจังหวัดกาญจนบุรีได้รับรายงานจากอำเภอทองผาภูมิว่า เกิดเหตุกรณีมีช้างป่าได้ลงมาในพื้นที่เกษตรกรรม และมีการทำร้ายเกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ 2 ครั้ง 2 ราย
ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม รายแรกเป็นชายสูงอายุได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส รายที่ 2 เป็นจิตอาสาที่เข้าไปร่วมเป็นทีมงานขับไล่ แต่ขณะจะวิ่งหนีเกิดหกล้อมจึงช้างถูกช้างป่าทำร้ายจนเสียชีวิต สำหรับจุดเกิดเหตุอยู่ห่างกันแค่ประมาณ 500 เมตร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ เพราะผู้เสียชีวิตนั้นเป็นอาสาสมัคร
ซึ่งในวันนี้จะเห็นได้ว่าทางคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับภัยพิบัติจังหวัดกาญจนบุรี หรือ ก.ช.ป.จ.เราก็ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือกรณีที่เกิดภัยพิบัติในอำเภอต่างๆของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งก็มีอยู่หลายอำเภอด้วยกันและเราก็ได้พิจารณาประกาศเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือกรณีที่ได้รับผลกระทบจากภัยอื่นๆ ก็คือภัยจากช้างป่าในพื้นที่หมู่ 3 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ นอกจากนี้ยังได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือกรณีการเกิดเหตุวาตภัยน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
สำหรับกรณีประชาชนที่ประสบเหตุจากภัยของช้างป่า จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทางหน่วยงานราชการก็จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือไปตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งเรื่องนี้นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ส่วนการแก้ไขปัญหาของช้างป่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ก็ได้มีการประชุมเพื่อที่จะหาแนวทางในการป้องกัน และพยายามแก้ไขปัญหามาแล้วหลายครั้งด้วยกัน จากการประชุมก็ทำให้ได้รับทราบแนวทางในการที่จะป้องกันและก็แก้ไขปัญหาทั้งที่เป็นกรณีของการแก้ไขปัญหาในระยะเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะปานกลาง และในระยะยาว
การแก้ไขปัญหาในระยะเฉพาะหน้าและระยะสั้นนั้น ก็คงจะต้องฝากไปถึงพี่น้องเกษตรกร รวมไปถึงนักท่องเที่ยวด้วย เพราะกรณีปัญหาช้างป่านอกจากเกิดขึ้นที่อำเภอทองผาภูมิ ยังมีพื้นที่อำเภออื่นๆเกิดขึ้นด้วย เช่นพื้นที่อำเภอบ่อพลอย เมือง ศรีสวัสดิ์ และไทรโยค จึงขอประชาสัมพันธ์ไปถึงนักท่องเที่ยว รวมทั้งพี่น้องเกษตรกร ในกรณีพบช้างป่า ก็ขอความกรุณาอย่าไปทำร้าย และอย่าทำให้ช้างตกใจ เพราะหากว่าช้างตกใจ อาจจะมีการวิ่งเข้ามาทำร้ายได้
นอกจากนั้นเรายังมีการพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ช้างป่าขาดน้ำและขาดอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ช้างออกมาหากินนอกพื้นที่ที่มีอาหารและน้ำ ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้ผืนป่าชั้นในที่เป็นที่อาศัยของช้างป่ามีน้ำและมีโป่ง รวมทั้งพืชที่เป็นอาหารของช้าง เพราะหากมีสิ่งเหล่านี้ช้างป่าก็จะได้ไม่ลงมากินและทำลายพืชผลทางการเกษตรของประชาชน
ส่วนการแก้ไปปัญหาในระยะปานกลางรวมทั้งระยะยาว ซึ่งเป็นระยะที่ต้องใช้งบประมาณ ดังนั้นก็คงจำเป็นจะต้องขอรับงบประมาณในการที่จะนำมาทำแนวรั้วไฟฟ้า เพื่อนำมาแยกหรือกันพื้นที่ ป้องกันไม่ให้ช้างป่าลงมาหากินในพื้นที่เกษตรกรของประชาชน หรือพื้นที่ชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยของราษฎร
ดังนั้นในวันนี้ก็อยากเรียนไปยังพี่น้องประชาชนขอให้มีความมั่นใจในการทำงานของจังหวัด ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง)
ซึ่งเราก็ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหา รวมทั้งในกรณีที่เกิดเหตุความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทรัพย์สินของพี่น้องเกษตรกร หรือว่าพืชไร่ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนเรื่องของการได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการถูกช้างป่าทำร้าย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐจะเข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ก็ขอให้ประชาชนได้เข้าใจพร้อมกัน
ด้านนายอารุณ ปินตา หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เรื่องช้างป่าเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในรอบกว่า 10 ปีแล้ว สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยจากภัยช้างป่า คือพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอศรีสวัสดิ์ และอำเภอบ่อพลอยที่มีแนวเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และพื้นที่อำเภอทองผาภูมิที่มีแนวเขตติดต่อกับอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
ซึ่งหลังจากที่มีชาวบ้านถูกช้างป่าทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้ก็จะได้ประชุมเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถนำเงินไปช่วยเหลือตามระเบียบชองกระทรวงการคลังได้หรือไม่ และจะต้องลงในรายละเอียดด้วยว่าช้างป่านั้นมาในเวลาไหน และมาจากไหน ซึ่งในวันนี้มีเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์มาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูล จากนั้นก็จะส่งเรื่องกลับไปที่อำเภอทองผาภูมิเพื่อให้ตรวจสอบ โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงการคลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี