9 มิ.ย.61 ที่ศาลาวัดคลิตี้ผลธรรมาราม หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายฉัตรชัย นิติภักดิ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง และ นายพงศกร เส็งประเสริฐ ตุลาการศาลปกครองกลาง ได้เปิดการไต่สวนคดีที่ชาวบ้านบ้านคลิตี้ ยื่นฟ้องให้กรมควบคุมมลพิษเร่งทำการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ต่อศาลปกครองกลาง ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยมีนายกำธร ศรีสุวรรณมาลา โจทก์ และตัวแทนชาวบ้านบ้านคลิตี้ นายสมชาย ทรงประกอบ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ จำเลย รวมทั้งนางจิตผ่อง อภัยสันติพงษ์ ผ.อ.สำนักบังคับคดีปกครอง เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งการใช้ศาลาวัดเป็นสถานที่ไต่สวน นับว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ ศาลปกครองกลาง เดินทางมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนถึงพื้นที่ ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้แต่อย่างใด
โดยนายสมชาย ทรงประกอบ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้ชี้แจงถึงการดำเนินงานของกรมควบคุมมลพิษหลังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดว่า ทางกรมฯได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ฟ้องคดี 22 คน รายละ 117,199.55 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,898,390.10 บาทต่อมาได้มีการกำหนดแผนและดำเนินการวิเคราะห์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ โดยการเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน พืชผักและสัตว์น้ำ จำนวน 4 ครั้งต่อปี รวมทั้งทำโปสเตอร์แสดงผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณลำห้วยคลิตี้ มาติดตั้งในที่สาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ทราบ
ส่วนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนของสารตะกั่ว ได้ว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยขอนแก่นดำเนินโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จากการปนเปื้อนสารตะกั่วโดยมีขอบเขตการดำเนินการศึกษาประกอบด้วย การกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ การสำรวจและออกแบบหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อมลำห้วยคลิตี้ ส่วนแนวทางการป้องกันปนเปื้อนสารตะกั่วลงสู่ลำห้วยคลิตี้ จากพื้นที่เสี่ยงได้ศึกษาลักษณะการปนเปื้อนสารตะกั่วโรงแต่งแร่คลิตี้และพื้นที่ใกล้เคียงแล้วเสร็จ โดยได้ผนวกแผนการจัดการร่วมกับโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ปัจจุบันกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการว่าจ้างบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ภายใต้งบประมาณ 454,000,000 บาท (สี่ร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท) ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพัน 4 ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ.2559-2562
โดยกระบวนการฟื้นฟูได้เริ่มในปี พ.ศ.2560 และสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ.2563 โดยแผนการดำเนินงานในปี 2561 นี้ บริษัทฯได้ดำเนินการขุดหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย หลังจากที่กรมควบคุมมลพิษ ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ใช้พื้นที่ จำนวน 22 ไร่ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาหินผุ ตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านคลิตี้บน ประมาณ 6 กิโลเมตร โดยต้องมีการขุดเจาะพื้นที่ให้เป็นหลุมลึกประมาณ 3 เมตร เพื่อรองรับตะกอนที่จะดำเนินการดูดจากลำห้วยคลิตี้ เพื่อนำมาฝังกลบในหลุมที่เตรียมไว้ จากการคำนวณคาดว่าตะกอนที่จะนำมาฝังกลบ มีจำนวน 45,000 ตัน
สำหรับใต้หลุมฝังกลบที่เตรียมไว้สามารถรองรับได้ถึง 90,000 ตัน โดยหินลูกรังที่ขุดจากพื้นที่ ทางบริษัทได้นำไปปรับปรุงถนนภายในชุมชนบ้านคลิตี้บนและบ้านคลิตี้ล่าง รวมทั้งถนนที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้านทั้ง 2 แห่ง และนำไปกลบพื้นที่โรงแต่งแร่และพื้นที่รอบๆด้วย ส่วนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการสร้างฝายชะลอน้ำในลำห้วยคลิตี้ โดยใช้ชิ้นหินบรรจุในกล่องแกลเบี้ยน ไปวางขวางลำห้วย เพื่อดักตะกอน โดยมีแผนก่อสร้างทั้งหมด 4 ฝายเริ่มตั้งแต่บริเวณพื้นที่ใต้โรงแต่งแร่เดิมจนถึงบ้านคลิตี้ล่าง
ปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้ว 2 แห่ง ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะดำเนินการดูดตะกอนบริเวณด้านหน้าและด้านหลังฝาย บรรจุในถุง textile ก่อนนำไปฝังกลบในหลุมที่เตรียมไว้ จากการดำเนินการที่ผ่านมาพบว่ามีอุปสรรคในการทำงาน เป็นสาเหตุให้ล่าช้าเนื่องจากในพื้นที่มีฝนตกชุก ประกอบกับลำห้วยคลิตี้เป็นลำห้วยธรรมชาติ ที่มีการขึ้นลงของน้ำตามฤดูกาล ทำให้การทำงานในฤดูฝนเป็นไปด้วยความยากลำบาก อีกทั้งพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ในการดำเนินงานต้องมีการระมัดระวังไม่ให้กระทบกับต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นบริเวณลำห้วย
ด้านการเฝ้าติดตามเรื่องสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ได้ทำงานร่วมกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในการเฝ้าติดตามปริมาณค่าตะกั่วในเลือดของประชาชนที่เป็นกลุ่มเสียง โดยดำเนินการปีละ 2 ครั้ง เพื่อเก็บสถิติและเป็นข้อมูลในการติดตามเฝ้าระวัง โดยการดำเนินการของกรมควบคุมมลพิษที่ผ่านมา ได้รายงานการทำงานร่วมกับสำนักบังคับคดีปกครองและได้ทำรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมานายกำธร ศรีสุวรรณมาลา ตัวแทนผู้ฟ้องได้เบิกความว่า ที่ผ่านมาการนำหินลูกรังมาถมบริเวณบ่อบำบัดเหมืองเก่า และบริเวณพื้นที่รอบๆโรงแต่งแร่ โดยไม่ได้มีการดำเนินการขุดเอาตะกอนแร่ออกไปก่อนนั้น จึงไม่เป็นไปตามมติที่เคยประชุมกันไว้ ดังนั้นจึงขอให้กรมควบคุมมลพิษเร่งดำเนินการแก้ไข เพื่อให้เป็นไปตามแผนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินคดีไว้ ภายหลังเสร็จสิ้นการชี้แจงของผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้องแล้ว ผู้พิพากษาได้สั่งให้กรมควบคุมมลพิษ ยื่นเอกสารที่นำมาชี้แจงทั้งหมด ให้สำนักบังคับคดี ภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้และให้สำนักบังคับคดีนำเสนอข้อเท็จจริงต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ที่ได้รับเอกสาร
ต่อมาคณะผู้พิพากษาศาลปกครองกลาง ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ การสร้างฝายดักตะกอนบริเวณลำห้วยคลิตี้ พื้นที่โรงแต่งแร่เดิมที่ได้ดำเนินการนำหินลูกรังมาถมทับ และพื้นที่การก่อสร้างหลุมฝังกลบแบบปลอดภัย ก่อนเดินทางกลับยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี