'บุรีรัมย์' เอาจริงบุกจับเจ้ามือและนักพนันบอลโลกแล้ว 25 ราย โซเชียลแชร์ว่อน แฉรายชื่อ จนท.รัฐรับส่วย

ตำรวจบุรีรัมย์ สนธิกำลังหลายฝ่ายเอาจริง บุกจับเจ้ามือลักลอบเปิดโต๊ะรับแทงบอลต่างประเทศได้ 2 ราย เป็นจังหวัดเดียวในเขตรับผิดชอบ ตร.ภาค 3 ที่สามารถจับกุมเจ้ามือได้ ทั้งยังรวบนักพนันได้อีกถึง 23 รายขณะโซเชียลแชร์ว่อน แฉรายชื่อ จนท.รัฐรับส่วยโต๊ะพนันบอล ผู้การฯ ย้ำชัด ตร.นายใดมีเอี่ยวไม่ละเว้น

พล.ต.ต.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุถึงการออกระดมกวาดล้างจับกุมเจ้ามือและนักพนันบอลในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ตามนโยบายของรัฐบาลว่า หลังจากได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 34 สถานี ในพื้นที่รับผิดชอบ สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ออกตรวจสอบจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง

พบว่า ขณะนี้สามารถจับกุมเจ้ามือที่ลักลอบเปิดโต๊ะรับแทงพนันฟุตบอลออนไลน์ได้แล้ว 2 ราย ในพื้นที่ อ.สตึก และ อ.นางรอง ทั้งยังสามารถจับกุมผู้เล่น หรือนักพนันบอลได้ อีก 23 ราย พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ เงินสดจำนวนหนึ่ง และมูลค่าเงินในโพยอีก 22,660 บาท ซึ่งก็ได้มีการดำเนินคดีในข้อหา “ลักลอบเล่นการพนัน (ทายผลฟุตบอลต่างประเทศ) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนเจ้ามือถูกแจ้งข้อหา “จัดให้มีหรือเข้าเล่น หรือเข้าพนันทายผลฟุตบอล”

ซึ่งจากสถิติการจับกุมในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 พบว่า จ.บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดเดียวที่มีการจับกุมเจ้ามือได้ ทั้งยังจับกุมนักพนันได้ อีก 23 ราย มากเป็นอันดับ 2 รองจาก จ.นครราชสีมา ด้วย แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดกวดขันกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่มีการจับกุมเจ้ามือและนักพนันบอลได้ในพื้นที่ อ.นางรอง เมื่อคืนวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าในโลกโซเชียล ก็ได้มีการโพสต์แฉรายชื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งจากส่วนกลางและระดับพื้นที่ในลักษณะว่า มีการเรียกรับส่วยหรือรับเงินจากเจ้ามือที่ลักลอบเปิดโต๊ะรับแทงพนันฟุตบอล  มีการส่งต่อข้อความดังกล่าวอย่างกว้างขวางและมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก

ซึ่งทาง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์   ก็ได้ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ข้อความที่ปรากฏในโซเชียลยังไม่สามารถระบุที่ไปที่มาชัดเจนได้ ว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร แต่ก็จะทำการตรวจสอบตามขั้นตอนซึ่งที่ผ่านมาก็ได้เน้นย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนายเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่  ห้ามไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

หากได้รับร้องเรียนหรือตรวจสอบพบว่า กระทำผิดจริง ก็จะถูกดำเนินการเอาผิดทั้งวินัยและอาญาโดยไม่ละเว้น แต่หากไม่เป็นความจริงตามที่มีการโพสต์ในโซเซียลก็ขอให้ผู้ที่โพสต์ได้ใช้ความระมัดระวังและไตร่ตรองให้รอบคอบเพราะข้อความบางอย่างจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรและทำให้ผู้ที่ถูกอ้างถึงได้รับความเสียหายได้