ในที่สุดทีมหมูป่าอะคาเดมี รวมทั้งโค้ช รวม 13 ชีวิต ก็ได้รับความช่วยเหลือนำออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางความยินดีปรีดาของทุกฝ่าย
ตลอด 17 วันที่ผ่านมา ทุกสื่อให้ความสำคัญกับข่าวการช่วยชีวิตทีม 13 หมูป่า จนข่าวอื่นๆ แทบจะไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง แม้แต่ข่าวเรือล่มที่ภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตหลายสิบรายหรือข่าวทีมเยอรมนี แชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตกรอบแรกของฟุตบอลโลกในปีนี้ ก็ยังไม่สามารถแย่งพื้นที่สื่อได้มากนัก
ช่วง 17 วันที่ผ่านมากระแสข่าว 13 หมูป่า ยังกลบข่าวเกษตรจนเงียบกริบ โดยเฉพาะข่าวการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่หลายจังหวัดไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เพราะเกษตรกรไม่สนใจที่จะเข้ารับการอบรมหรือรับการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องต่างๆตามที่ทางการจัดให้
เรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำหลายชนิด ก็ดูจะเงียบหาย ทั้งสับปะรด กระเทียม ปาล์มน้ำมัน เนื้อหมู เนื้อไก่ และกำลังจะตามมาอีกหลายรายการ โดยเฉพาะ ลำไย ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในเดือนหน้านี้ ก็คงต้องเตรียมการรับมือให้ดี
อีกเรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นข่าวเล็กๆ แต่เป็นเรื่องที่สำคัญที่ไม่อาจจะผ่านเลยไปได้คือความพยายามของทางการสหรัฐอเมริกาที่กดดันให้รัฐบาลไทยยอมนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว
เรื่องนี้เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นายกรัฐมนตรีกลับจากการเยือนสหรัฐอเมริกา เป็นข่าวเล็กๆ ที่ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการหมูบ้านเราเลยทีเดียว แม้ทางการไทยจะทำเงียบๆ เฉยๆ แต่สหรัฐไม่เฉยด้วย เมื่อต้นเดือนเมษายน 2561 ที่ผ่านมา ได้ส่ง กลิน เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เดินทางมาพบ รองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เพื่อขอให้ไทยเร่งพิจารณาเรื่องการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐโดยเร็ว
ข่าวว่าจากการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยพบว่า เนื้อหมูของสหรัฐมีสารเร่งเนื้อแดง หลายฝ่ายจึงคัดค้านการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอเมริกา เพราะมาตรฐานเนื้อหมูของไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยเด็ดขาด นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐเพื่อให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง
จนถึงบัดนี้...ไม่ทราบว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวศึกษาไปถึงไหนแล้ว.....
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ช่วงที่ชาวไทย และชาวโลกลุ้นและส่งแรงใจช่วยในการค้นหา และช่วยทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง มีข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ บอกว่า สหรัฐอเมริกากดดันไทยมากขึ้น โดยสภาผู้ผลิตสุกรแห่งชาติของสหรัฐ ยื่นคำร้องถึงผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา ให้ตรวจสอบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ของไทย อ้างว่าไทยกีดกันสินค้าของสหรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ส่งผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา ทำจดหมายร้องเรียนผ่านเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา วีรชัย พลาศรัย เรียกร้องให้ไทยยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ แลกกับสิทธิพิเศษทางศุลกากร และสินค้าอื่นๆ ที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดทราบมาว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา จะเดินทางมาเยือนไทย เพื่อเจรจาเรื่องนี้อีกครั้ง สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติของไทย ยังบอกด้วยว่าถ้าไทยยอมให้นำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอเมริกา เท่ากับเป็นการทำลายอุตสาหกรรมหมูในประเทศไทยให้ล่มสลายเลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งของผู้บริโภคของไทย มองว่าอุตสาหกรรมหมูของไทยมีการผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ราคาหมูก็แพงจนคนหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อย่างอื่นและอาหารทะเลแทน การนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐอาจจะทำให้ผู้บริโภคได้บริโภคหมูในราคาที่ถูกลง
ส่วนเรื่องสารเร่งเนื้อแดงนั้น สหรัฐอ้างว่าใช้ตามมาตรฐานสากลของคณะกรรมการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX Alimentarius Commission - CAC) ถึงกระนั้นถ้ามาตรฐานของไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงเด็ดขาด สิ่งที่นำเข้ามามีสารเร่งเนื้อแดงปนเปื้อน ก็คงยอมไม่ได้
อีกประการหนึ่งหมูไทยผูกขาดหรือไม่ไม่ทราบ แต่มีเกษตรกรเลี้ยงหมูทั่วประเทศเกือบ 2 แสนครัวเรือน และตอนนี้ราคาเนื้อหมูกำลังตก ถ้านำเข้ามาอีกคนที่เดือดร้อนก็ไม่พ้นเกษตรกร....
ขอบคุณ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ส่งทีมมาช่วยหมูป่า แต่เนื้อหมูจริงๆ ไม่ต้องส่งมาได้ไหม.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี