หมายจับกัปตัน-เจ้าของ
เรือมรณะฟินิกซ์46ศพ
‘ศรีวราห์’ลงพื้นที่ลุย
‘บิ๊กตู่’สั่งห้ามซ้ำรอย
กังวลจีนไม่สบายใจ
เร่งก.ท่องเที่ยวชี้แจง
“ศรีวราห์”ลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ขอหมายจับกัปตัน-เจ้าของ ทั้งยังพบเรือมรณะฟินิกซ์ต่อที่อู่เรือเถื่อนไม่มีใบอนุญาต ด้านนายกฯประยุทธ์ ลั่นห้ามซ้ำรอยอีก เร่งทำการชี้แจงกับทางการจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายสุรัฐิ ศิริไสยาสน์ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต , นายหิรัญวัตติ์ สืบกระพันธ์ นิติกรชำนาญการ กรมเจ้าท่า พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ร่วมตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งย่านถนนท่าเรือใหม่ ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งรับจ้างต่อเรือฟินิกซ์ และคานเรือของอู่ต่อเรือที่ ม.1 ต.รัษฎา
พบว่าบริษัทที่รับจ้างต่อเรือ จัดตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 12 นอกจากนี้ ยังมีความผิดเกี่ยวกับประกันสังคม เนื่องแจ้งจำนวนลูกจ้างไม่ตรง โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ พบว่าการทำทัวร์ของเรือฟินิกซ์ไม่เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ ลูกทัวร์ที่มาต่างก็ซื้อทัวร์กันมาเอง ไม่มีการบังคับให้ต้องไปซื้อสินค้า หรือกินข้าว ตามที่บริษัททัวร์กำหนดเพราะฉะนั้นทัวร์ดังกล่าวจึงไม่เข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญ และยังไม่พบข้อมูลว่ามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีเหตุเรือล่ม พบว่า พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ จำนวน 3 คดี คือ 1.คดีอาญาที่ 1104/2561 ดำเนินคดีกับกัปตันเรือเซเรนาต้า และผู้ทำหน้าที่ปล่อยเรือในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส 2.คดีอาญาที่ 1105/2561 ดำเนินคดีกับกัปตันเรือฟินิกซ์ ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กัปตันเรือฟินิกซ์ทราบแล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา และ 3.คดีอาญาที่ 1114/2561 กรณีชาวรัสเซีย 2 คน ขับเจ็ทสกีล่ม เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ดำเนินคดีกับชายสัญชาติรัสเซีย อายุ 25 ปี ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการเปรียบเทียบปรับ เป็นเงิน 1,000 บาท คดีอาญาเป็นอันเลิกกัน
ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัด ซึ่งเชื่อได้ว่ามีผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมในคดีอาญาที่ 1105/2561 จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 2 ราย คือ เจ้าของเรือฟินิกซ์ และต้นกลเรือ ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ขณะที่ พล.ต.ต ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ดำเนินคดีกับ นายเมธา หลิมสกุล อายุ 58 ปี นายเรือ (กัปตัน) เรือเซเรนาต้า และ นายเผิง ต้าชิง สัญชาติจีน ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยเรือ ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส นายสมจริง บุญธรรม อายุ 50 ปี เป็นนายเรือ(กัปตัน) เรือฟินิกซ์ ในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
นอกจากนี้ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปี เจ้าของเรือ และนายอ่อนจันทร์ กัณหาโยธี อายุ 56 ปี ต้นกลเรือ ในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ซึ่งนายอ่อนจันทร์ได้เดินทางมามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า น.ส.วรลักษณ์ น่าจะเข้ามามอบตัวในเร็วๆ นี้
ด้าน นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า รพ.วชิระภูเก็ตได้จัดตั้งศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service เพื่อให้บริการญาติผู้ป่วยทั้งเอกสาร การเยียวยา รวมถึงการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งขั้นตอนต่างๆได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้ง 46 ราย มีผู้ที่เข้าพักรักษาตัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้รวม 17 ราย กระจายไปตาม รพ. ต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต ขณะนี้คงเหลืออยู่ที่ รพ.องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 2 ราย คาดว่าจะออกจาก รพ. ได้ภายใน 1-2 วันนี้ พร้อมกับยืนยันว่า รพ.วชิระภูเก็ตได้อำนวยความสะดวกดูแลญาติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี
ในวันเดียวกัน ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกในการจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจะเป็นศูนย์หลักในการกระจายข้อมูลข่าวสารและเป็นศูนย์ถาวรในการบริหารงาน ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการค้นหาส่วนหน้าจะอยู่ที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง โดยตัวเลขของผู้ประสบภัยในวันนี้ยังคงเท่าเดิมคือมีผู้เสียชีวิตจำนวน 46 ราย ยืนยันตัวตนและเรียบร้อยแล้วทั้ง 46 ราย มีญาตินำศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจำนวน 7 ราย
ส่วน พล.ร.ท.สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ทร.ภ.3) กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการควบคุมการเดินเรือท่องเที่ยวตามอำนาจของ ศรชล.เขต 3 ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 6 หน่วยงานหลัก จากการประชุมหารือร่วมกันได้ข้อสรุป ว่า จะบูรณาการเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ตและ ตำรวจน้ำ จัดกำลังเพิ่มเติมบริเวณท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกก่อนที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นเรือและเรือจะออกจากฝั่ง เบื้องต้นเริ่มต้นที่เรือขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป
โดยเริ่มดำเนินการใน 4 ท่าเรือหลัก ได้แก่ ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา ท่าเรืออ่าวปอแกรนด์มารีน่า และท่าเรือวิศิษฐ์พันวา ซึ่งแม้ว่าปกติจะมีเจ้าหน้าที่ของเจ้าท่าฯ รับผิดชอบตรวจสอบความพร้อมของเรืออยู่แล้ว แต่ทางเราจะเป็นกำลังไปเสริม เพื่อควบคุมจัดระเบียบเรือท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ตรวจสอบในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงเรือแต่ละลำ เรือนำนักท่องเที่ยวไปบริเวณใด ความพร้อมของกัปตันเรือ สภาพเรือ อุปกรณ์ช่วยชีวิตในเรือหากเกิดเหตุไม่คาดคิด ผู้ดูแลนักท่องเที่ยว หากไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนดจะไม่มีการปล่อยเรือออกจากท่าโดยเด็ดขาด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือการทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวจีน เพราะเบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีบางส่วนเริ่มยกเลิกการเดินทางมา จ.ภูเก็ต แล้ว จึงให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงทีมประเทศไทยในจีนร่วมกันชี้แจงข้อมูลเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะมาตรการของรัฐในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีเสียชีวิต บาดเจ็บ และการฟื้นฟูจิตใจ ที่สำคัญคือแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี