นางดาเรศร์ กิตติโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ในการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรของประเทศไทย โดยในปี 2560 มีเป้าหมายการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร 6,700,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันมีเกษตรกรมาขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร 5,568,100 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 83.11 จากเป้าหมายการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งยังมีเกษตรกรอีกประมาณ 1 ล้านครัวเรือน ที่ยังไม่มีการมาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ทำให้กรมส่งเสริมการเกษตรต้องเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรดังกล่าวนี้
ทั้งนี้ ในปี 2561 กรมส่งเสริมการเกษตรได้เร่งรัดติดตามงานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปยังสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังเกษตรกร
เป้าหมายเหล่านี้ให้มาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรโดยเร็ว โดยแจ้งหลังปลูกพืชแล้ว 15-60 วัน และให้ทันกับกรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ในปี 2561 ในกรณีที่เกษตรกรไม่มาปรับปรุงทะเบียนนานเกิน 3 ปี นับถัดจากวันที่ 23 มิ.ย.2560 จะถูกตัดบัญชีทะเบียนเกษตรกรทิ้งทันที ทำให้หมดสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ
สำหรับวิธีการแจ้งขึ้น/ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ 1.ให้เกษตรกรติดต่อสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ทำการเกษตร 2.แจ้งผ่านอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) 3.แจ้งผ่านสมุดทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์หรือแอพพลิเคชั่น DOAE Farmbook ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้จะทำให้เกษตรกรทราบข้อมูลของตนเองได้ตลอดเวลา และสะดวกในการติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรนั้น คือ 1.เป็นฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐ 2.เป็นเอกสารยืนยันตัวตนความเป็นเกษตรกร และ 3.เกษตรกรได้รับสิทธิความช่วยเหลือในกรณีประสบภัยพิบัติ หรือ ตามมาตรการแก้ปัญหาและจ่ายเงินชดเชยเยียวยาจากภาครัฐ และล่าสุด ครม.มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2561 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/2562 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ โดยการจ่ายค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 1,500 บาท ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริงไม่เกินครัวเรือนละ 12 ไร่ หรือคิดเป็นเงินไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท เพิ่มขึ้น 3,000 บาท จากปีที่ผ่านมา ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.ย. 2561-30 ก.ย. 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี