ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ”น้องหญิง” น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี โดย นายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ คนขับรถเทลเลอร์ ที่อยู่กับน้องหญิงเป็นคนสุดท้ายอ้างว่า น้องหญิงกระโดดลงจากรถแล้วหัวฟาดพื้นจนเสียชีวิตเอง แต่ผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตจากการถูกตีด้วยของแข็ง กระทั่งญาติได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายสุรพล ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นายอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม นายสุบิน ยาวิราช บิดาของผู้เสียชีวิต ได้นำศพของน้องหญิงเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 ให้ย้าย พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเทพ ผกก.สภ.บางปะอิน พร้อมพวก 3 คน ที่มีส่วนในการทำคดีออกนอกพื้นที่และตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า การเดินทางมาไม่ใช่ในเรื่องของคดี แต่ต้องการร้องเรียนให้ตำรวจภูธรภาค 1 ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ที่ดูแลคดี เพราะขณะนี้มีหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้เชื่อได้ว่า อาจเกิดความไม่โปร่งใสในการทำคดี หรืออาจมีการเป่าคดีจากคดีฆาตกรรมอำพราง เป็นคดีอุบัติเหตุ ขณะที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนแจ้งข้อหา นายสุรพล เพียงแค่กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตาย ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ยังปรากฏภาพ พ.ต.อ.ฤทธิ์ ศิริเพ ผกก.สภ.บางปะอิน ที่ถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการ จ.พระนครศรีอยุทธยา ไปร่วมประชุมทำคดีกับพนักงานสอบสวน และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่งทำให้สงสัยว่า ผกก.สภ.บางปะอิน คงมีบารมีพอสมควร ถ้าไม่มี ก็คงไม่กล้าขัดคำสั่งดังกล่าวใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมาร้องให้ตรวจสอบและขอความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงกรณีออกมาตั้งข้อสงสัยเรื่องการติดสินบน 3 แสนบาท เพื่อเป่าคดีว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องไปสอบสวนต่อ แต่ยืนยันว่าฝ่ายของตนมีหลักฐานแน่นอน แต่นำออกมาพูดไม่ได้ เพราะต้องป้องกันแหล่งข่าวของเราไว้ด้วย เพราะขนาด น.ส.รุ้ง ซึ่งเป็นพยานในคดี ยังถูกข่มขู่ โดยมีชายใส่เสื้อแจ็กเก็ตขับรถยนต์กระบะไปยิงปืนที่หน้าบ้าน 3 นัดถึง 2 วันติดกัน คือ วันที่ 29 และ 30 กรกฎาคม รวมทั้งมีความพยายามจะอุ้มพยาน
“การมาร้องวันนี้เพื่อให้ ผบช.ภ.1 มีคำสั่งให้ย้าย พ.ต.อ.ฤทธิ์ ออกนอกพื้นที่ไปเลย เพราะถ้าอยู่มายุ่งเหยิงกับพยานเป็นเรื่องอันตราย เราไม่รู้หรอกว่าใครรับเงินแล้วมาก็อปปี้สำนวนไปให้ผู้ต้องหาสู้ ใครจะรับผิดชอบ สุดท้ายผู้ต้องหาหลุดคีน้องก็ตายฟรี แต่เมื่อวานนี้ได้พาพยาน 2 คนเข้าพบ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก.แล้ว และทาง พล.ต.ท.ฐิติราช ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยานแล้ว” นายอัจฉริยะ กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับกรณี ผกก.สภ.บางปะอิน ที่ก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการ บก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา แต่ยังพบเห็นภาพตามสื่อต่างๆ นั้น เบื้องต้นต้องถือว่า ผกก.สภ.บางปะอิน ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของคดีอยู่ จึงจะสั่งย้าย ผกก.สภ.บางปะอิน กับตำรวจที่เกี่ยวข้อง มาปฎิบัติราชการที่ตำรวจภูธรภาค 1
นอกจากนี้ยังได้ให้ทำหนังสือชี้แจงการที่มีภาพปรากฎไปร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวนที่โรงพัก ทั้งที่ถูกย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จากที่พูดคุยในเบื้องต้น ทราบว่า ถูกเรียกตัวไปส่งมอบสำนวนคดี จึงอยากให้ญาติผู้เสียชีวิตเชื่อมั่นในการสืบสวนสอบสวนที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการทำงาน ส่วนคลิปเสียงเรียกรับเงิน 3 แสนบาทนั้น ชุดทำงานอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนการตั้งคณะกรรมการวินัยร้ายแรง ต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนไม่ต่ำกว่า 15 วัน
“ในส่วนของคดีการสืบสวนสอบสวนต้องละเอียดรอบคอบ บางประเด็นต้องสอบพยานบุคคลเพิ่มเติม ต้องขออนุญาตินายอัจฉริยะ เรื่องการสอบพยานบางคนถ้าเชื่อถือตำรวจส่วนไหนก็สามารถให้ปากคำได้เลย เรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ลงมาควบคุมดูแล ถ้าใครไม่ดีเราลงโทษแน่นอน ใครทำผิดต้องตัดทิ้งทำลายทิ้งแต่ต้องเป็นไปด้วยกฎระเบียบ ส่วนผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์และผลพิสูจน์หลักฐานที่เป็นเอกสารทางการยังไม่ครบ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ส่วนของเงิน 3 แสนในการล้มคดีการสอบข้อเท็จจริงได้ระบุเพิ่มลงไปด้วย แต่ผมยังไม่อยากออกความเห็นให้คณะกรรมการทำงานก่อน” พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าว
หมายเหตุ แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี