3 ส.ค.61 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีสมาชิกชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 30 คน นำโดยนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เดินทางมารวมตัวเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีบริษัทเอกชนที่ได้รับมอบอำนาจจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ออกทำการทวงหนี้จากนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง อย่างโหดร้าย และยังกดดันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีลูกบ้านกู้ยืมเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา สร้างความหวาดกลัว เดือดร้อน รำคาญแก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และกำนันผู้ใหญ่บ้านแต่ละพื้นที่เป็นอย่างมาก
นายยงยศ แก้วเขียว กล่าวว่า ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช และทั่วประเทศ ขอเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ได้พิจารณา หาหนทางช่วยเหลือ เยียวยานักเรียน นักศึกษา ที่เป็นหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และถูกบริษัทเอกชนที่รีบงานทวงหนี้มาจากกองทุนเพื่อ การศึกษาใช้วิธีการตามทวงหนี้ สร้างความหวาดกลัว หวาดผวาไปทุกพื้นที่ เพื่อให้ลูกบ้านของพวกเราไปชำระหนี้ กยศ.เช่น มีการโทรศัพท์หาผู้ปกครอง และลูกหนี้โดยตรงทั้งกลางวันและกลางคืน พูดจาเชิงข่มขู่กดดันลักษณะต่างๆ อ้างหากไม่ชำระหนี้จะเสียสิทธิ์หลายประการ อาทิ ไม่สามารถสอบเข้ารับราชการ หรือรีบสมัครทำงานใดๆได้ เพราะต้องคดีเป็นหนี้ กยศ. นอกจากนี้ยังโทรศัพท์มาสอบถาม กดดัน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้เซ็นรับรองกู้ยืมเงิน กยศ. สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลของลูกบ้านที่เป็นนี้ กยศ. และข่มขู่ให้ไปช่วยติดตามทวงหนี้ให้ สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทุกพื้นที่ โดยการติดตามทวงหนี้โหดดังกล่าวไม่มีหน่วยงานใดๆ ที่จะยื่นมือเข้ามาดูแล หาทางช่วยเหลือนักศึกษาที่ตกเป็นหนี้เลย
เหตุใดกรณีหนี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเข้ามาช่วยเหลือ เยียวยาให้กับผู้ที่เป็นหนี้ได้ อาทิ การพักชำระหนี้เกษตรกร โครงการช่วยเหลือกองทุน SME โครงการช่วยเหลือผู้ประกออบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โครงการพักชำระหนี้ธนาคารกรณีต่างๆและอื่นๆ รวมทั้งการช่วยเหลือกรณีประชาชนเป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งกรณีนักเรียน นักศึกษาที่เป็นหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาในปัจจุบันแม้เขาจะเรียนจบมาแล้ว แต่อาจจะไม่มีงานทำ ตกงาน ต้องรับภาระเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา หรือป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต ติดเตียง ซึ่งอย่างน้อยที่สุดเมื่อเขามีการศึกษา เขาก็กลายเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าของสังคม ในจุดนี้รัฐบาลและประเทศชาติก็น่าจะได้ผลประโยชน์ได้กำไรจากลูกหนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จึงรวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหาหนทางช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. อย่างเป็นรูปธรรมด้วย โดยมีข้อเสนอ 7 ข้อดังต่อไปนี้
1.ให้หยุดทวงหนี้โดยไม่เป็นธรรมและผิดกฎหมายทันที
2.ให้ทางราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลนักเรียน นักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ.ทุกราย เพื่อให้ทราบถึงสภาพปัญหาที่แท้จริง
3.เมื่อทราบสภาพข้อเท็จจริงของแต่ละคนให้ ทาง กยศ. ให้เป็นข้อมูลเพื่อดำเนินการเกี่ยวกีบหนี้สินตามความเหมาะสมแต่ละราย
4.ให้พักการชำระหนี้โดยประกาศให้ผู้เป็นหนี้มาลงทะเบียนกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแต่ละพื้นที่
5.ให้รัฐบาลยกหนี้หรือพักชำระหนี้ให้สำหรับลูกหนี้ที่ป่วยทุพลภาพ พิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือมีภาระในการดูแลผู้ปกครองที่ป่วยทุพลภาพ พิการ
6.ให้กำหนดรูปแบบการชำระหนี้ให้เหมาะสม เช่น หากผู้ที่พอจะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ หากชำระหนี้ทันทีจะลดดอกเบี้ยให้ 50 เปอร์เซ็นต์
7.ให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ แต่ละจังหวัด เพื่อร่วมกันพิจารณาสิทธิในการพักชำระหนี้ ยกหนี้ ลดเงินต้นหรือดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการตามข้อเสนอ 7 ข้อดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.อย่างเร่งด่วนต่อไป
ต่อมานายวุฒิชัย เซียะคง เจ้าพนักงานปกครองที่ทำการปกครองจังหวัด กลุ่มงานปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช มาเป็นตัวแทนรับหนังสือเพื่อนำเสนอนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พิจารณาดำเนินการ สั่งการในเรื่องนี้ รวมทั้งรายงานให้กระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล รวมทั้ง คสช.ทราบ เพื่อร่วมกันหาหนทางในการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ.อย่างเร่งด่วนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี