กรณีเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.61) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Thon Thamrongnawasawat" ระบุเรื่องราวสุดทรมานใจของ "แม่เต่า" ติดกับดักมรณะขยะทะเลตายเกลื่อนนั้น
ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ย.61) ดร.ธรณ์ ได้โพสต์เรื่องราวของเต่าทะเลไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า หลังจากเรื่องเต่าตายเพราะขยะทะเลถูกแชร์ออกไปมากมาย ผมอยากลงรายละเอียดเพิ่มเติมให้เพื่อนธรณ์เข้าใจสถานการณ์และทางออก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเต่าทะเลที่หายากสุดของไทย - เต่าหญ้า
เต่าหญ้าเป็นเต่าทะเลขนาดเล็กที่สุดในโลก ความยาวกระดอง 60 - 70 เซนติเมตร น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ฝรั่งเรียกเต่าหญ้าว่า Olive ridley sea turtle เต่าหญ้าอาศัยในเขตร้อนของทะเลทั่วโลก พบได้ใน 3 มหาสมุทร มีแหล่งวางไข่กระจายไปทั่วโลก มีเขตสำคัญ 2 แห่ง คือ ชายฝั่งเม็กซิโกในแปซิฟิกตะวันออก และอ่าวเบงกอลและชายฝั่งอินเดียในมหาสมุทรอินเดีย
ทะเลไทยติด 2 มหาสมุทร แต่ฝั่งด้านแปซิฟิกตะวันตกไม่ค่อยมีเต่าหญ้า ทำให้ในอ่าวไทยพบเต่าหญ้าน้อยมาก และไม่เคยมีรายงานการวางไข่ของเต่าหญ้าในอ่าวไทย แต่ในทะเลอันดามันของบ้านเรา อยู่ติดกับอ่าวเบงกอล แหล่งวางไข่สำคัญของเต่าหญ้า ทำให้ในอดีตมีเต่าหญ้าขึ้นมาวางไข่มากมาย โดยเฉพาะตามชายหาดที่เหมาะสม
ชายหาดที่เหมาะสมหมายถึงชายหาดที่ติดต่อกับทะเลเปิด เต่าหญ้าไม่ค่อยเหมือนเต่าตนุหรือเต่ากระ พวกเธอไม่ชอบหาดตามเกาะที่มีแนวปะการัง แต่นิยมหาดชายฝั่งที่เปิดตรงสู่ทะเลและมีน้ำลึกพอสมควร
แหล่งวางไข่สำคัญสุดของเต่าหญ้าในไทยมีอยู่ 2 แห่ง คือ หาดไม้ขาว (อุทยานสิรินาถ) และหาดท้ายเหมือง (อุทยานเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง) หาดทั้งสองแห่งยังเป็นแหล่งวางไข่ของเต่ามะเฟือง เต่าทะเลใหญ่ที่สุดและหายากที่สุด ปริมาณแม่เต่าที่ขึ้นมาวางไข่ลดน้อยลงเรื่อย เพราะการคุกคามจากมนุษย์มีเพิ่มขึ้น
จนถึงปัจจุบัน การเก็บไข่เต่าหรือจับเต่าทะเลโดยตรงหมดไปแล้ว แต่ภัยคุกคามใหม่เกิดขึ้นแทน ได้แก่ เศษอวนและขยะทะเล
เต่ามะเฟืองที่เคยมีน้อยอยู่แล้ว หายไปจากทั้งสองหาด เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 4 ปี ปัจจุบัน เต่ามะเฟืองกำลังอยู่ระหว่างการประกาศชื่อเป็นสัตว์สงวนชนิดใหม่ของไทย ในขณะที่เต่าหญ้าก็ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเต่าทะเลหายากที่สุดของไทยในตอนนี้ (อีก 2 ชนิดที่วางไข่ในไทยคือเต่าตนุและเต่ากระ)
จากข้อมูลของอุทยานหาดลำปี-หาดท้ายเหมือง ในช่วงฤดูวางไข่ 2560 - 61 เราไม่พบการวางไข่ของเต่าหญ้าในพื้นที่นั้นเลยสักตัว ในปีนี้ ช่วงกลางเดือนสิงหาคม - กันยายน เราพบเต่าหญ้าตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เรียกว่ามากที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา เต่าพวกนั้นเป็นเต่าเต็มวัย ส่วนใหญ่เป็นแม่เต่าที่กำลังรอช่วงเวลาขึ้นมาไข่ เต่าเกือบทั้งหมดมีเศษอวนหรือขยะทะเลติดอยู่ ยังพบร่องรอยโดนบาดตามซากศพ
เมื่อดูจากข้อมูลในระดับสากล ภัยคุกคามจากมนุษย์รุนแรงที่สุดในตอนนี้ คือเศษอวนและขยะทะเลเช่นเดียวกัน แม่เต่าหญ้าแต่ละตัว วางไข่เฉลี่ยครั้งละ 110 ฟอง เต่าหญ้าอายุราว 40 - 50 ปี ความตายของแม่เต่าหนึ่งตัว จึงหมายถึงลูกเต่าที่ไม่มีโอกาสเกิดหลายพันตัว หรือแม้กระทั่งเต่าบาดเจ็บ ถูกนำมารักษา แต่การโดนขยะทะเลบาด โอกาสที่จะพิการมีสูงมาก ทำให้แม่เต่าไม่สามารถกลับลงไปอยู่ในทะเลได้ ก็หมายถึงแม่เต่าตัวนั้น "ตาย" ไปจากทะเล เพราะเต่าหญ้าไม่วางไข่ในที่เลี้ยง
การจากไปของเต่าหญ้า ส่งผลต่อระบบนิเวศ และส่งผลตรงต่อมนุษย์ เพราะเต่าหญ้ากินแมงกะพรุนเป็นอาหาร ถือเป็นหนึ่งในสัตว์สุดสำคัญในการควบคุมปริมาณแมงกะพรุน เราคงได้ข่าวคนโดนแมงกะพรุนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะเต่าลดน้อยลง การช่วยเต่าก็คือช่วยเรา และช่วยนักท่องเที่ยวที่ทำรายได้ให้ประเทศเรา ปัญหาคือทำอย่างไร ? แน่นอนว่าผมมีคำตอบ เฟซนี้ไม่ปล่อยให้คุณลอยคว้างกับปัญหาที่ไร้ทางออกเป็นแน่
มาถึงแนวทางการแก้ไขเร่งด่วน ตามความคิดของผม มีดังนี้ครับ
หนึ่ง - แผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ในแผนกำหนดแนวทางแก้ไข โครงการ และงบประมาณต่างๆ ไว้หมดแล้ว หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐควรรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากคณะทำงานของผมช่วยกันร่างแผนนี้ ผมจึงยืนยันได้ว่า ในแผนมีการกำหนดงบประมาณนับพันล้านบาท เพิ่มพื้นที่คุ้มครองทางทะเล สร้างศูนย์ช่วยชีวิตเต่าทะเล เครือข่าย ฯลฯ เน้นย้ำว่าประกาศเป็นกฎหมายแล้ว เหลือรอเพียงแค่ให้หน่วยงานเร่งดำเนินการแต่เท่าที่ติดตามมา ยังไม่เห็นการเร่งรัดในส่วนนี้ คงต้องฝากทั้งกรมทะเลและกรมอุทยานด้วยครับ
สอง - ท้ายเหมือง-ไม้ขาวโมเดล กำหนดพื้นที่พิเศษ เพื่อแก้ปัญหาขยะทะเล โดยเฉพาะเศษอวน ตั้งแต่หาดท้ายเหมืองลงไปถึงหาดไม้ขาว (2 อุทยานและพื้นที่รอยต่อ) ชายฝั่งยาวประมาณ 50-60 กิโลเมตร เป็นเขตเดียวของไทยที่ยังคงเหลือเต่าหญ้าวางไข่ หากเราทำงานอย่างเป็นระบบ น่าจะช่วยลดปัญหาได้
ระบบนี้หมายถึงในพื้นที่มีเครือข่ายชาวบ้าน ช่วยภาครัฐอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องหาทางลดขยะทะเลที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเป็นพิเศษ ทั้งกรมอุทยาน กรมทะเล กรมประมง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ล้วนมีโครงการใหญ่เกี่ยวกับขยะทะเล
สิ่งที่ต้องเชื่อมต่อเข้ามาให้ได้ คือ ภาคเอกชน ที่พร้อมจะรับเศษอวน ฯลฯ จากชาวบ้าน ผ่านการประสานของหน่วยงานทั้งสี่ของภาครัฐ ให้เข้าไปในกระบวนการ Upcycling ที่ตอนนี้ภาคเอกชนกำลังเร่งดำเนินการอยู่ เนื่องจากผมอยู่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง จึงทราบดีว่าทุกคนกำลังหาทางช่วยจัดการขยะ แต่ปัญหาคือมันยังไม่ไปด้วยกันพร้อมกันในพื้นที่เดียว
ผมยืนยันว่า ท้ายเหมือง-ไม้ขาวโมเดล จะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เราจะได้ช่วยเต่าหญ้าอย่างจริงจัง และเป็นพื้นที่ซึ่งพอบริหารจัดการได้ เดี๋ยวผมจะลองพูดกับท่านต่างๆ ได้ความอย่างไรจะนำมาบอกเพื่อนธรณ์
สาม - พวกเราทุกคนต้องช่วยกันลดปัญหาขยะพลาสติก เรื่องนี้คงไม่ต้องบอก ที่น่าชื่นใจคือมีคนเข้ามาร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นเพจต่างๆ เกิดขึ้น เห็นเครือข่ายใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งกลุ่มเล็กๆ ของนิสิตนักศึกษา ที่ส่งข้อความมาหาเป็นจำนวนมาก (มากจริงๆ แต่จะพยายามอ่านและตอบให้ครบนะฮะ)
จุดกระแส - เกิดกระแส - เกิดกลุ่มเล็ก - เกิดกลุ่มใหญ่ - เกิดมูลนิธิ - สร้างเครือข่ายสังคม - ช่วยกันตรงนั้นตรงนี้
นี่เป็นวงจรอนุรักษ์ที่ได้ผลสำหรับเมืองไทย ที่สำคัญคือต้องมีคนกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ และคนกระตุ้นต้องแรงไม่ตก ไม่ฝ่อไปก่อน อาจารย์ธรณ์และเพื่อนๆ ที่ช่วยกันมาหลายต่อหลายคน ไม่ฝ่อแน่นอน พวกเรายังเตะปี๊บดังครับ
สี่ - การจัดการปัญหาต้องเป็นระดับอินเตอร์ อย่างที่บอกไว้ ในอ่าวเบงกอลเป็นแหล่งวางไข่สำคัญของเต่าหญ้า ในขณะที่หลายประเทศแถบนี้ก็มีขยะพลาสติกและเศษอวน เราต้องเริ่มจากตัวเรา ประเทศเรา แต่ต้องไปพร้อมๆ กับเพื่อน มีโครงการร่วมมือในอ่าวเบงกอลมากมาย ส่วนใหญ่เป็นการสำรวจหรือทางเศรษฐกิจ แต่เรื่องอนุรักษ์จริงๆ ยังไม่ค่อยเห็น
ผมจะนำเรื่องนี้แหละไปพูดกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และยังมีอีกงานกับ UNDPเมื่อดูภาพรวมทั้งหมด เราจะเห็นว่า ทางแก้ปัญหามีอยู่ เราสามารถเข้าไปช่วยแม่เต่าหญ้าเหล่านั้นได้ ความยากไม่ใช่ทำให้คนเห็นความสำคัญ แต่ความยากคือทำให้คนที่เห็นความสำคัญอยู่แล้วและกำลังลงมือทำ ให้เข้ามาทำร่วมกัน นั่นแหละมหายาก
แต่อย่าหมดหวังครับ เชื่อเถิดว่าโลกยุคนี้ เรื่องสิ่งแวดล้อมที่เราเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ และมีหลายอย่างที่เป็นไปแล้ว ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด ลดขยะพลาสติกวันนี้ และรอดูสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันหน้าเพราะแม่เต่าหญ้าต้องไม่ตายฟรี ความตายของพวกเธอ ความสิ้นสูญของลูกในท้องพวกเธอ จะต้องเปิดทางใหม่ๆ ให้กับลูกหลานเธอที่ยังคงเหลืออยู่ เราเศร้าได้ แต่เราต้องสู้ด้วย เพื่อทะเลสุดที่รักครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : น้ำตาร่วง! ‘ดร.ธรณ์’โพสต์ภาพสุดทรมานใจ ‘แม่เต่า’ติดกับดักมรณะ‘ขยะทะเล’ตายเกลื่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี