ลุยวิจัยกัญชาผลิตยา
อภ.รับมอบของกลางร้อยกิโล
สกัดน้ำมันรักษา4โรค
หนุนใช้ม.44ปลดล็อก
องค์การเภสัชฯรับมอบกัญชาของกลาง 100 กก.ใช้สกัดน้ำมันกัญชาให้ได้ในเดือนธันวาคม 1.8 หมื่นขวด ตั้งเป้ารักษา 4 โรค บรรเทาปวดรุนแรง ลุ้นใช้ม.44 ปลดล็อก เปิดทางรักษาโรคอื่น–ผลิตยาแพทย์แผนไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาสายพันธุ์ ต่อยอดระดับอุตสาหกรรม
เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) พร้อมนพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) เข้ารับมอบ กัญชา ของกลาง 100 กิโลกรัม จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บข.ปส.) ที่ส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อให้ อภ.นำไปศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการส่งมอบกัญชาของกลางนอกรอบเวลาปกติ ก่อนถูกนำไปเผาทำลายปีละ 1 ครั้งในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี ที่ถือเป็นวันยาเสพติดโลก
โดยนพ.โสภณ เมฆธน ประธานบอร์ด อภ.แถลงหลังรับมอบกัญชาของกลางว่า ก่อนหน้านี้ อภ.ทำเรื่องขออนุญาตนำกัญชาของกลางนำมาวิจัยทางการแพทย์ เพื่อหาสารสกัดสำคัญทั้งทีเอชซี (THC) ซึ่งเป็นสารที่กล่อมประสาท และซีบีดี (CBD) สำหรับรักษากลุ่มโรคลมชัก โดยทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งนี้ วางเป้าหมายว่าต้องสกัดได้น้ำมันหยอดใต้ลิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งในจำนวนของกลางที่รับมา 100 กิโลกรัมนั้น สามารถสกัดน้ำมันกัญชาได้ 10-15 ลิตรแบบเข้มข้น เมื่อนำมาเจือจางจะได้น้ำมันกัญชาประมาณ 18,000 ขวด หรือขวดละ 5 ซีซี
ประธาน บอร์ด อภ.กล่าวต่อว่า จากข้อมูลวิชาการทั่วโลก พบมีการใช้กัญชาทางการแพทย์ที่ชัดเจนใน 4 กลุ่มโรคคือ 1.รักษาอาการคลื่นไส้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้คีโม 2.โรคลมชักดื้อต่อการรักษาในเด็ก 3.ปลอกประสาทอักเสบ และ4.อาการปวดรุนแรงอื่นๆ ที่เดิมต้องใช้มอร์ฟีนบรรเทาปวด ส่วนข้อเสนอเพื่อการรักษาโรคอื่น เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสันนั้น จะศึกษาไปพร้อมกัน รวมถึงการใช้ในการแพทย์แผนไทยที่มีกว่า 100 ตำรับ อาจต้องรอกฎหมายปลดล็อกก่อน
นพ.โสภณกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางอภ.มีแนวคิดศึกษาพัฒนาสายพันธุ์กัญชาให้มีคุณภาพ โดยปรับปรุงพื้นที่ภายในองค์การเภสัชฯเพาะปลูกกัญชา 2 สายพันธุ์ ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมเดินหน้าต่อในระดับอุตสาหกรรม
“อย่างไรก็ตาม ตั้งความหวังว่ากฎหมายจะสามารถปลดล็อคให้ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคทางการแพทย์ได้ภายในปี 2562 หรืออย่างช้าที่สุดคือ เลื่อนไปอีก 3 เดือน ขณะนี้กฎหมายอยู่ระหงว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็พูดถึงการใช้มาตรา 44 มาปลดล็อคเรื่องนี้”นพ.โสภณกล่าว
และว่า สำหรับของกลางที่ได้มา มีทั้งแบบเป็นดอก เป็นแห้ง แต่ละชนิดต้องสกัดสารสำคัญออกมาดูว่า แบบไหนได้สารสำคัญเพื่อใช้ทางการแพทย์มากที่สุด ขอยืนยันว่าการศึกษาวิจัยครั้งนี้ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่ได้ใช้เรื่องการผ่อนคลาย จึงไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องการควบคุมการใช้ไม่ให้หลุดออกไปในทางผิดกฎหมาย มีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเตรียมสกัดสารเพื่อใช้ทางการแพทย์และทดลองในมนุษย์เดือนพฤษภาคมมั่นใจว่ากฎหมายจะปลดล็อกได้จริงหรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้าสาธารณสุข ทราบว่ามีการแบ่งการทำงานเป็น 2 ชุด แบ่งพิจารณาร่างกฎหมาย ชุดละฉบับ ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะพิจารณาทันหรือไม่ เพราะร่างกฎหมาย หรือร่างพ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติดรับหลักการไปเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ในชั้นกรรมาธิการฯ โดยเราตั้งเป้าว่าศึกษาในมนุษย์เดือนพฤษภาคม 2562 เพราะติดตามโรดแมปคือ เสภาฯพิจารณาเร็วที่สุด 5 เดือน และกฎหมายมีผลอีก 6 เดือนก็ลงเดือนพฤษภาคมถ้าช้ากว่านี้ก็อาจเลื่อนไปอีก 3 เดือน แต่ตามข่าวเห็นว่าสนช.จะรวบรวมรายชื่อ ซึ่งตนไม่ทราบว่าจะเร็วแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ทางองค์การเภสัชฯต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย จะรอกฎหมายเลย คงไม่ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า การใช้มาตรา 44 จะทำให้ทุกอย่างดำเนินการได้เร็วขึ้น
ด้านพล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รองผบ.ชปส.กล่าวว่า แต่ละปีจับกุมยึดกัญชาได้ประมาณ 7 ตัน บางปีจับที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศได้มากถึง 20 ตัน ที่ผ่านมาถูกมองเป็นขยะรอเวลาเผาทำลาย แต่มีการศึกษาวิจัยกัญชาของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง มาขอของกลางไปเพื่อการศึกษา แต่เพราะเก็บไว้นาน จึงไม่ค่อยคุณภาพเท่าที่ควร ดังนั้น ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่นำกัญชาของกลางที่เพิ่งจับกุมได้มามอบให้องค์การเภสัชฯใช้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นกัญชาสายพันธุ์ที่มีคุณภาพ ราคาสูงนำเข้าจากต่างประเทศ และอนาคตถ้าการศึกษาเป็นไปด้วยดี ก็สามารถประสานขอของกลางมาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้อีก ขณะที่ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนา อภ.เปิดเผยถึงแผนการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาจากกัญชาแบบครบวงจรขององค์การเภสัชฯว่า เริ่มจากวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ได้สารสกัดจากกัญชาให้ได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ 2.ปรับปรุงสายพันธุ์และพัฒนาการปลูก ภายในเดือนมีนาคม 2562 3.วิจัยและพัฒนายาให้ได้ในเดือนพฤษภาคม 2562 โดยต้องรอกฎหมายใหม่ปลดล็อกใช้กัญชาทางการแพทย์ก่อน 4.ผลิตยาระดับอุตสาหกรรมภายในเดือนธันวาคม 2563 และ5.ศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกและผลิตยาในระดับอุตสาหกรรมภายในปีงบประมาณ 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี