วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายกฤษณพงศ์ ศรีพงษ์พันธุ์กุล รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากกระแสความต้องการของประชากรโลกและของไทยหันมาให้ความสนใจในการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่มีความปลอดภัย ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวอินทรีย์ที่ผู้บริโภคได้ให้คุณค่าและพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับการบริโภคข้าวที่จะตอบสนองต่อการมีสุขภาพที่ดี ซึ่งตลาดข้าวอินทรีย์จะอยู่ในประเทศที่มีเศรษฐกิจดี ประชาชนมีความต้องการซื้อสูง เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ ราคาข้าวเปลือกอินทรีย์ที่ชาวนาได้รับจะสูงกว่าราคาข้าวเปลือกทั่วไป จึงเป็นโอกาสและช่องทางอันดีของชาวนาไทยในการที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตข้าวอินทรีย์ และข้าวที่มีการปฏิบัติตามระบบการเกษตรที่ดี (GAP) ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเพื่อการแข่งขัน
ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ดำเนินโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร เพื่อเชื่อมโยงตลาดรองรับผลผลิตข้าวอินทรีย์ของโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ของโครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ทำให้ชาวนาสามารถขายข้าวซึ่งอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนเป็นอินทรีย์ และข้าวที่ได้มาตรฐานอินทรีย์ได้ในราคาสอดคล้องกับคุณภาพซึ่งสูงกว่าข้าวทั่วไป รวมถึงชาวนาสามารถขายข้าว GAP ได้ในราคาสูงขึ้นตามคุณภาพ สำหรับปีการผลิต 2561/62 กรมการข้าวได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยมี 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ 1. การรับสมัครผู้ประกอบการค้าข้าวที่เป็นโรงสีข้าว อุตสาหกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร และผู้ส่งออกข้าวเพื่อการจับคู่ธุรกิจกับชาวนาที่ผลิตข้าวอินทรีย์และข้าว GAP และทำบันทึกข้อตกลงซื้อขายข้าว (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการกับกลุ่มเกษตรกร 2. การซื้อขายข้าวระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าวและกลุ่มชาวนาหลังเก็บเกี่ยว ในราคาที่สอดคล้องกับคุณภาพ มีราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป 3. การขอรับเงินชดเชยดอกเบี้ยของผู้ประกอบการค้าข้าว
โดยขณะนี้ กรมการข้าว ได้ประกาศรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร ปีการผลิต 2561/62 สำหรับผู้ขอโควตา EU สมัครได้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 ส่วนผู้ที่ขอชดเชยดอกเบี้ยสมัครได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562 ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ เป็นผู้ประกอบการค้าข้าวที่เป็นโรงสีข้าว อุตสาหกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร หรือผู้ส่งออก ที่ได้รับอนุญาตในการประกอบการค้าข้าวอย่างถูกต้อง หากเป็นธุรกิจโรงสีข้าว ต้องได้การรับรองมาตรฐานการผลิต GAP, HACCP หรือ ISO 22000 หรืออื่นๆ ที่เทียบเท่า และมีอายุคงเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน นับจากวันสุดท้ายของการรับสมัคร กรณีมีความประสงค์ขอรับเงินชดเชยดอกเบี้ย ต้องเป็นลูกค้าของธนาคารที่มีวงเงินสินเชื่ออยู่กับธนาคารแล้ว และมีหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่อจากธนาคาร
ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร นอกจากจะได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ยและโควตาส่งออกข้าวไป EU ที่สำคัญคือจะได้ข้าวเปลือกที่มีคุณภาพ ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ Organic Thailand และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับข้าวเปลือก หรือ GAP สำหรับนำไปสีแปรสภาพเป็นข้าวสารที่ได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร (Q) สำหรับจำหน่ายต่อไป รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ให้ผู้บริโภครู้จัก และสามารถทำการตลาดเพิ่มยอดขายให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี