นักวิชาการเภสัช จี้รัฐบาลแสดงจุดยืนให้ชัด ใช้“กัญชา-กระท่อม” ทางการแพทย์ แนะปลดพ้นบัญชียาเสพติดประเภท 5 แนะใช้ ม.44 แก้ปัญหาเฉพาะหน้าห่วงอนาคตไทยเสียโอกาส นำเข้ายาสมุนไพรทั้งสองจากตปท.หลายล้าน ผบช.ปส.ฝากทิ้งทวนวอนคนไทยเปิดกว้างรับกัญชารักษาโรคได้ เสียดายเผาทิ้ง ไม่เกิดประโยชน์
เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา(กพย.) และภญ.สำลี ใจดี ประธานมูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา (มสพ.) แถลงหลังชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์พืชกัญชาและกระท่อมสู่สังคมว่า อยากให้รัฐบาลแสดงเจตจำนงและความจริงจังในเรื่องนี้ เพราะกัญชาและกระท่อม ถือเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ใช้กันแพร่หลายตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช กระทั่งปี 2486 รัฐบาลต้องการรีดภาษีฝิ่นจึงนำกัญชาและกระท่อมไปอยู่ในกลุ่มยาเสพติด และเมื่อปี 2522 ทำให้กัญชาและกระท่อมถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติด ประเภท 5 ห้ามปลูก ห้ามเสพ ห้ามซื้อ แค่ทำให้ดูได้อย่างเดียว ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆ ถือเป็นการริดรอนสิทธิการรักษาในแผนแพทย์ไทย
ภญ.นิยดากล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังกังวลและลังเลว่าจะใช้ประโยชน์จากกัญชาและกระท่อม หรือไม่ การศึกษาหรือถกเถียงเพื่อปลดล็อกสมุนไพร 2 ชนิดออกจากบัญชียาเสพติดไม่คืบหน้า ทั้งที่มีงานวิจัยต่างประเทศรองรับถึงประโยชน์ ต้องการแค่ปลดล็อกเพื่อนำไปใช้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์เท่านั้น
จึงเห็นว่าควรปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท5หรือในระยะสั้นใช้มาตรา44มาแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจผู้มีอำนาจต้องการอะไรและห่วงในอนาคตไทยอาจเสียเปรียบต้องนำเข้ายาสมุนไพรไทยสองชนิดจากต่างประเทศเพราะปัจจุบันทั้งกัญชาและกระท่อม อยู่ในกลุ่มยาแก้ปวดขณะนี้ที่ไทยเองต้องสั่งซื้อ มอร์ฟีนและนำเข้าเมทาโดน ใช้บำบัดผู้ป่วยยาเสพติด มาจากต่างประเทศแต่ละปีหลายล้านบาท
ด้าน ภญ.สำลี กล่าวเสริมว่าประโยชน์ของกัญชาและกระท่อมไม่แตกต่างกัน ใช้บรรเทาอาการปวด ซึ่งการพูดถึงประโยชน์ของกัญชาอย่างแพร่หลาย แต่กระท่อมก็มีสรรพคุณในการรักษาโรคเช่นกัน โดยสามารถใช้บรรเทาอาการปวดท้อง แก้ปวดเมื่อย ระงับอาการอักเสบ มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กล่าวหลังแถลงผลจับกุมคดียาเสพติดสำคัญ 3 คดี มีผู้ต้องหา 6 คน พร้อมยึดยาบ้ากว่า 3.5 ล้านเม็ด กัญชา 161 กิโลกรัม ไอซ์ 5 กิโลกรัม เคตามีน 10 กรัม พร้อมมูลค่าทรัพย์สินและยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ มีมูลค่ากว่า 755 ล้านบาทถึงข้อถกเถียงเรื่องนำกัญชาไปใช้รักษามะเร็งและโรคอื่นในคนว่า ขอให้คนไทยยอมรับได้แล้ว เพราะอยากให้ได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่ให้ต่างประเทศนำสมุนไพรของไทยนำไปวิจัยและใช้ในการรักษา ขณะที่คนไทยนำไปเผาทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี