นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ริเริ่มปฏิรูปการบริหารจัดการภาคการเกษตรของไทย เพื่อสนองนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล โดยเริ่มจากการจัดทำโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูการทำนา 2561 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป โดยมีหลักการดำเนินการ คือ
1) เกษตรกรต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขการรับซื้อผลผลิต รวมทั้งปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาดก่อนตัดสินใจลงมือทำการเพาะปลูก 2) รัฐบาลจะต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เช่น การหาตลาดหรือผู้รับซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วยราคาที่เป็นธรรม การประกันรายได้ขั้นต่ำ การทำประกันภัยพืชผล เป็นต้น และ 3) มาตรการจูงใจเกษตรกร อาทิ การสนับสนุนสินเชื่อเป็นค่าปัจจัยการผลิตและการเตรียมดินผ่าน ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี ของวงเงินไร่ละ 2,000 บาท (ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย) การสนับสนุนเบี้ยประกันภัย 65 บาทต่อไร่ เมื่อได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติจะได้รับชดเชยไร่ละ 1,500 บาท
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1) ให้คณะทำงานระดับอำเภอประชุมชี้แจงทำความเข้าใจและเชิญชวนเกษตรกรในพื้นที่ ให้ปรับเปลี่ยนจากการทำนาปรังมาปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์ตามความเหมาะสมของคุณภาพดิน
2) ให้ชี้แจงเกษตรกรทราบถึงสิทธิในการกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และรัฐบาลทำประกันภัยพืชผลเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติเพิ่มเติมจากเงินชดเชย สาธารณภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง อีกไร่ละ 1,500 บาท โดยรัฐบาลออกค่าเบี้ยประกันให้ไร่ละ 65 บาท 3) ให้จัดส่งคณะวิทยากรจัดการอบรมให้ความรู้ในการปลูกข้าวโพด การลดต้นทุน และการรักษาแปลงแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 4) ให้สหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชนทำหน้าที่รวบรวมเกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิก เข้าร่วมโครงการในลักษณะเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งสหกรณ์จะได้รับสิทธิเงินกู้จาก ธ.ก.ส. ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.01 ในนามกลุ่มจาก ธ.ก.ส. ด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้สหกรณ์ทำหน้าที่การบริหารจัดการผลผลิต โดยการจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้แก่สมาชิก
5) คณะทำงานระดับจังหวัด อำนวยการในการประสานเอกชนในการรับซื้อผลผลิต โดยเฉพาะเอกชนรายย่อยในพื้นที่ 6) คณะกรรมการอำนวยการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เพื่อเข้าไปทำสัญญารับซื้อข้าวโพดล่วงหน้ากับเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรอย่างเป็นธรรม โดยต้องระบุข้อตกลงในรายละเอียดการทำสัญญารับซื้อให้ชัดเจนในเรื่องต่างๆ คือ ราคารับซื้อ จุดรับซื้อ จำนวนและคุณภาพข้าวโพดที่จะรับซื้อ และเงื่อนไขต่างๆ 7) ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ในฐานะเลขานุการอ.พ.ก.จังหวัด ประสานกับเกษตรจังหวัด เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการของโครงการในแต่ละจังหวัด และ 8) มอบหมายเกษตรจังหวัดพร้อมทั้งเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชี้แจงความเป็นมาและรายละเอียดโครงการ รวมทั้งมอบหมายให้เกษตรอำเภอดำเนินการเช่นเดียวกับระดับอำเภอด้วย และชี้แจงในการประชุมกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านประจำเดือนตุลาคม 2561 ด้วย
“การปฏิรูปการบริหารจัดการภาคเกษตรของไทยในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างมั่นคง เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนตลอดไป โดยไม่ทิ้งผู้ใดไว้ข้างหลัง” นายกฤษฎา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี