“มิลค์บอร์ด” จ่อเคาะโควตาส่งนมโรงเรียน 19 ต.ค.นี้ รับเปิดเรียนเทอม2/61 ทันเด็กนักเรียน 7.45 ล้านคนได้กิน ยันไม่มีใครวิ่งเต้นขอโควตา พร้อมรื้อโครงสร้างนมโรงเรียนให้เสร็จภายใน1 เดือน ลดหน้าที่ “มิลค์บอร์ด” เป็นผู้คุมกฏ ไม่ใช่ลงเป็นผู้เล่นเองเหมือนปัจจุบัน
5 ต.ค.61 นายสัตวแพทย์ (น.สพ.) สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ว่า จะประกาศหลักเกณฑ์ผู้ประกอบการเข้าจัดสรรสิทธิ (โควตา) โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เทอม2/2561 ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ โดยเปิดรับสมัคร วันที่ 11-17 ต.ค. จากนั้นวันที่ 19 ต.ค. จะจัดสรรโควตาและพื้นที่ส่งนม ซึ่งเป็นตามข้อสั่งการของนายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงเกษตรฯ ที่ให้เทอมนี้ยึดแนวทางเทอม 1 ที่มีผู้ประกอบการ 62 ราย แต่จะอุดช่องโหว่ให้มากที่สุด โดยเฉพาะการทำเอ็มโอยูกับผู้ประกอบการ รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ปริมาณ 3,450 ตันต่อวัน มีน้ำนมเพิ่มจากปีก่อน 3,370 ตัน เข้าสู่ระบบนมโรงเรียน 1,170 ตันต่อวัน ส่วนนมที่เหลือไปเป็นนมพาณิชย์ สำหรับเด็กนักเรียนบริโภคนม 260 วัน จำนวน 7.45 ล้านคนทั่วประเทศ รัฐจ่ายให้ 7 บาทต่อคน ใช้งบประมาณปีละ 1.4 หมื่นล้านบาท
ส่วนกรณีกลุ่มเกษตรกร ฟ้องร้องตำรวจกองปราบปราม ถึงปัญหาทุจริตไซฟ่อนนม ศูนย์รวบรวมนมทำตัวเลขนมเท็จ เอ็มโอยูลมนั้น น.สพ.สรวิศ กล่าวว่า ก่อนจัดสรรโควตา จะตรวจสอบประวัติผู้ประกอบการทุกราย ยืนยันว่าถ้าไม่มีคุณสมบัติจะเข้าโครงการไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องมาวิ่งเต้น ในการจัดสรรโควตารอบนี้ รมว.เกษตรฯสั่งให้เพิ่มหลักเกณฑ์ตรวจสอบเอ็มโอยูซื้อน้ำนมดิบกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับสัญญาซื้อขายนม ใบเสียภาษี ตรงกับปริมาณนมที่ส่งโรงเรียน หรือไม่ด้วย ซึ่งปัญหาไซฟ่อนนมต้องรอกองปราบปราม หากผิดจะจัดการไม่ให้เข้าโครงการนมโรงเรียน พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีนมเสีย นมบูด หากพบเอานมผงมาทำตัดสิทธิตลอดชีพ
น.สพ.สรวิศ กล่าวอีกว่า นายกฤษฏา ยังได้สั่งการให้ทำแผนปฏิรูปโครงสร้างนมโรงเรียนทั้งระบบให้เสร็จภายใน 1 เดือนนี้ เพื่อนำเสนอเห็นชอบจาก ครม.ต่อไป โดยจะเปลี่ยนแปลงการทำหน้าที่ของมิลค์บอร์ด ต้องทำหน้าที่เป็นผู้คุมกฏ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เป็นผู้เล่นเอง รวมทั้งองค์การส่งเสริมกิจการโคนมฯ (อสค.) ที่ได้โควตาส่งนมโรงเรียนด้วย เท่ากับเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จะต้องปรับเปลี่ยนออกจากการทำหน้าที่เลขาฯมิลค์บอร์ด และเลขาฯคณะอนุกรรมการบริหารนมโรงเรียน เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน และการผูกขาดโควตานมโรงเรียน
อีกทั้งการทำหลักเกณฑ์นมโรงเรียนจะต้องคงที่ ไม่เปลี่ยนไปมาทุกเทอมเหมือนปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบรายย่อยอยู่ไม่ได้ โดยในอนาคตจะกระจายให้ 6 ภูมิภาค ไปดำเนินการกันเอง ก็จะประหยัดเรื่องค่าขนส่ง และมีการส่งเสริมการเลี้ยงโคนม
ส่วนนมผสมฟูลออไรส์ในเทอมนี้ไม่มีในนมโรงเรียน แต่ในเรื่องกล่องนมเปล่าสั่งทำมาแล้วที่ยังเหลืออยู่ จะให้ติดสติกเกอร์นมปกติทับไป ขณะนี้ลงไปดูกล่องเปล่าเหลือจริงๆเท่าไร ให้อสค.ไปตรวจสอบในจังหวัดเดิม 20 จังหวัด เพื่อช่วยลดผลกระทบผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบการคืนโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี2561 ของผู้ประกอบการ 4 รายจำนวน 2.8 พันตัน และให้โควตาดังกล่าวกับเอกชนที่ต้องการนำเข้าเพิ่มเติม จำนวน 23 รายซึ่งในจำนวนนี้ได้รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรด้วย พร้อมกับเห็นชอบการเปิดโควตานำเข้านมผง ปี61/62 ตามพิธีสารเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ที่จะต้องปรับเพิ่มปริมาณนำเข้าจากเดิม 3.1 พันตันต่อปีเป็น 3.3 พันตันต่อปี อีกทั้งมีการขออนุมัติเปิดโควตา นำเข้านมผงขาดมันเนยปีนี้ เพิ่มเติมในปริมาณ 5,795 ตัน ในอัตราภาษีร้อยละ5 โดยจะต้องนำเข้าให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค.61 ซึ่งจะเสนอครม.เพื่ออนุมัติต่อไป โดยผู้ประกอบการ ที่ขอนำเข้าเพิ่มเพราะตลาดขยายตัวขึ้นต้องการใช้ผลิตภัณฑ์นมผงขาดมันเนยมากขึ้น
น.สพ.สรวิศ กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์ การจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยปี62 และครีมเครื่องดื่มปรุงแต่งปี62 ได้จัดสรรรายเดิมที่เคยนำเข้า ใช้วิธีการยื่นขอนำเข้าจนกว่าจะครบปริมาณ โดยยื่นหลักฐานประกอบกับกรมการค้าต่างประเทศ โดยนำเข้าช่วงวันที่1 ม.ค.-31 ธ.ค.62 ทั้งนี้เอกชนได้ตอบรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพราะชัดเจนกว่าทุกปีและเป็นธรรม มีที่มาที่ไป ทั้งกลุ่ม1 และกลุ่ม2 ได้ทำสัญญาเข้าไปซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร ซึ่งจะรองรับการเปิดเขตการค้าเสรีในปี 68 นี้ได้อย่างเข้มแข็งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี