โคราชภัยแล้งหนัก นาข้าวกลายเป็นทุ่งหญ้า ชาวนาหมดอาลัยตายอยาก ผู้ว่าฯ ประกาศภัยแล้ง 14 อำเภอ ลั่นจะผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ส่วนที่ มหาสารคาม ชาวนาจำใจปล่อยวัวลงนากินต้นข้าวที่แห้งตาย ด้าน รมว.เกษตรฯ ร่อนหนังสือด่วนประสานผู้ว่าฯ33 จังหวัด จัดทีมชวนเกษตรกรปลูกข้าวโพด เป้าหมาย 2 ล้านไร่
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมาว่า ช่วงนี้มีสภาพอากาศแปรปรวนหนักหลายพื้นที่ฝนไม่ตกหรือฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน จนเกิดปัญหาภัยแล้งรุนแรงถึงขั้นวิกฤติ นาข้าวยืนต้นแห้งตาย กลายเป็นทุ่งหญ้ากว้างขวางสุดหูสุดตา ผลผลิตเสียหายสิ้นเชิง 100% ชาวนาเดือดร้อนหนักจนหมดอาลัยกับชีวิต เพราะปีนี้ไม่มีผลผลิตข้าวนาปีให้เก็บเกี่ยวแม้แต่เมล็ดเดียว หรือผลผลิตเป็นศูนย์
นายวินัย ดอกพิกุล อายุ 66 ปี ชาวนาบ้านหลุมปูน หมู่ 4 ต.ถนนโพธิ์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ภัยแล้งที่กระหน่ำนาข้าวทั้งตำบลและพื้นที่ใกล้เคียงต้องแห้งเหี่ยวยืนต้นตายแทบทั้งหมด ตั้งแต่ที่เกษตรกรเริ่มหว่านข้าวหอมมะลิ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม มีฝนตกเล็กน้อย พอข้าวเริ่มยืนต้นก็เจอปัญหาแล้งหนักฝนทิ้งช่วงยาวนาน ต้นข้าวทนสภาพแล้งหนักไม่ไหวยืนต้นตายทั้งหมด จนมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมแทน เกษตรกรเราต้องยอมรับชะตากรรมเพราะต้นเหตุเกิดจากภัยธรรมชาติ
“ ปีนี้ผมทำนา 24 ไร่ เสียหาย 100% ต้องไล่ต้อนวัวกินหญ้าในแปลงนา รอเจ้าหน้าที่มาสำรวจความเสียหาย เพื่อรับการเยียวยาจากภาครัฐ แต่ก็ไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปกว่า 60,000 บาท นั่งมองนาข้าวด้วยความเศร้าใจแทบหมดอาลัยตายอยาก” นายวินัย กล่าว
ขณะที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จ.นครราชสีมา ได้รายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งของ จ.นครราชสีมามีการสำรวจพบใน 14 อำเภอ นาข้าวเสียหาย 550,000ไร่เศษ พืชไร่เสียหาย 140,000 ไร่เศษและตัวเลขก็ทยอยมาเรื่อยๆ ตามปริมาณที่เกิดขึ้น อยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า ได้สั่งเรียกประชุมทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในวันที่ 19 ต.ค. ให้แต่ละอำเภอทั้ง 32 อำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่ 14 อำเภอที่ประสบปัญหาในขณะนี้ และจะเริ่มประกาศภัยแล้งได้เลยจากตัวเลข 14 อำเภอ นาข้าว พืชไร่เสียหายตามตัวเลขที่ได้กล่าวไปแล้ว โดยมีอำเภอ เกษตรจังหวัด ชลประทานจังหวัด ปภ.จังหวัด การประปาภูมิภาค 12 แห่ง ประปาเทศบาลนครนครราชสีมา โรงพยาบาลต่างๆ มาประชุมร่วมกัน และจะเร่งรัดการทำฝายประชารัฐกักน้ำช่วง 1 เดือนจากนี้ให้ได้น้ำมากที่สุด แล้วใช้น้ำหน้าฝายก่อน เมื่อฝายหมดก็ไปใช้น้ำที่เรากักเก็บไว้ ไปจนถึง มิ.ย. 2562 และทางเกษตรจังหวัดจะต้องแจ้งให้ได้ว่าพื้นที่ไหนจะปลูกข้าวนาปรังได้ พื้นที่ไหนปลูกไม่ได้ หรือแนะนำให้เกษตรปลูกพืชฤดูแล้งใช้น้ำน้อย ส่วนแต่ละอำเภอต้องมีข้อมูลว่าหมู่บ้านไหนที่จะขาดแคลนน้ำ และหมู่บ้านไหนที่ประสบภัยแล้งเรื่องพืชผลการเกษตรมาสรุปยอดอีกครั้ง โดยช่วงนี้มีรายงานเข้ามามากจนถึงตอนนี้น่าจะเพิ่มประมาณ 24 อำเภอแล้ว ซึ่งก็คงจะรับทราบอย่างเป็นทางการ
“จุดที่เรากังวลมากมีปัญหามากที่คือ อ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ อ.คง เราจะต้องหารือกันเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ประปาขาดน้ำเป็นอันขาด ตนอยากเรียนว่า ขอให้พี่น้องประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เพราะปีนี้แล้งมาเร็ว พอมาเร็วเราก็ต้องเจอแล้งนานจนถึงเดือน มิ.ย. 2562 ช่วยกันรักษาแหล่งน้ำ และคอยฟังประกาศจากทางราชการ ขอให้ช่วยกันเราจะผ่านแล้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ หน่วยงานราชการจะร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน จะต้องได้รับการดูแลจากทางราชการให้ดีที่สุด” ผวจ.นครราชสีมา กล่าว
นายบุตร ยศคำลือ เกษตรกรบ้านเก่าน้อย หมู่ 7 ต.แคน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองปลูกข้าวไว้ทั้งหมด 31 ไร่ ลงทุนไปประมาณ 50,000 บาท ปีนี้ปรากฏว่าฝนตกน้อยกว่าทุกปี ทำให้นาข้าวขาดน้ำ ไม่ตั้งท้องออกรวง อีกทั้งตอนนี้เรียกได้ว่าเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ข้าวหมดอายุขัย ไม่สามารถตั้งท้องออกรวงได้ จำใจต้องปล่อยให้วัวพันธุ์ที่เลี้ยงไว้จำนวน 12 ตัว เข้ามากินข้าวในนา ซึ่งปีนี้คาดว่าผลผลิตที่ได้จะได้ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งก็ไม่พอเป็นพันธุ์ข้าวปลูก หากถึงฤดูทำนาในฤดูกาลหน้า ก็จำเป็นที่จะต้องไปขอสินเชื่อกับธนาคารมาทำนาต่อไป สำหรับพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ดอน ไม่มีแหล่งน้ำ อยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยขุดคลอง หรือดึงน้ำจากลำห้วยแล้วปล่อยให้ไหลลงมาให้ชาวนาสูบน้ำเข้าพื้นที่
วันเดียวกัน นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด ขอความร่วมมือ ผู้ว่าฯ และนายอำเภอ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกับให้สำนักงานเกษตรจังหวัดในฐานะเลขาอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ระดับจังหวัด(อ.ก.พ.)ที่มีผู้ว่าฯเป็นประธาน จัดทีม 5 หน่วยงาน ลงพื้นที่ชักชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาปี ซึ่งเริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค.2561 เป็นไปตามเป้าหมายในเรื่องจำนวนเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 2 ล้านไร่และให้เห็นผลเป็นรูปธรรม มีพื้นที่เป้าหมาย 33 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย ตาก น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลำพูน ลำปาง บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย นครราชสีมา ปราจีนบุรี ชัยนาท สระบุรี นครพนม สกลนคร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สุรินทร์ อุดรธานี
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ทางผู้ว่าฯ ได้ให้ความสำคัญโครงการนี้โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการประจำโครงการขึ้นที่จังหวัดด้วย(War Room)เพื่อติดตามงานให้บรรลุเป้าหมายของโครงการ ซี่งเป็นรูปแบบ(Model)ปฎิรูปภาคเกษตร ให้ผลผลิตสมดุลกับตลาด ยกระดับรายได้เกษตรกรได้จริง ก่อนตัดสินใจลงมือทำเกษตรมีข้อมูลเรื่องราคาซื้อขาย รู้ปริมาณความต้องการของตลาด โดยรัฐจัดหาเอกชนเข้าซื้อในราคาเป็นธรรม มีประกันภัยผลผลิต 1.5 พันบาทต่อไร่ พร้อมมีมาตรการช่วยเรื่องปัจจัยการผลิต ให้เงินทุนดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.01 รายละ 15 ไร่ๆ ละ 2 พันบาท
ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวกับสหกรณ์การเกษตร 250 แห่ง ว่า สหกรณ์การเกษตรจะทำหน้าที่ครบวงจร ช่วยเหลือเกษตรกร บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต อบรมวิธีการดูแลให้ได้ผลิตดี จัดหาเมล็ดพันธุ์คุณภาพและเครื่องจักรกลการเกษตรมาบริการเกษตรกร รวบรวมผลผลิตข้าวโพดไว้ให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งจะเริ่มปลูกเดือนพ.ย.นี้ และเก็บเกี่ยวเดือน ก.พ.62 ทั้งนี้ ได้นำร่องสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จ.พิษณุโลก และเมืองตรอน จ.อุตรดิตถ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี