“วัดโพธิ์” หรือในชื่อทางการคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย โดยมีเรื่องเล่าย้อนไปได้ถึงสมัยอาณาจักรอยุธยา อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการสร้าง รู้แต่เรียกกันในชื่อ “วัดโพธิ์” หรือไม่ก็ “วัดโพธาราม” เท่านั้น ซึ่งวัดโพธิ์ถูกยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง
ในสมัยกรุงธนบุรี

กระทั่งเมื่อเข้าสู่ยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในปี 2331 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดแห่งนี้ โดยทรงสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง พระวิหาร ตลอดจนบูรณะของเดิม จนแล้วเสร็จในปี 2344 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส” เป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์

ต่อมาในปี 2379 ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โปรดเกล้าฯให้บูรณะวัดอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จารึกสรรพตำราต่างๆ ลงบนแผ่นหินอ่อนประดิษฐ์ไว้ตามศาลารายต่างๆ โดยเฉพาะท่า “ฤๅษีดัดตน” ภูมิปัญญาโบราณว่าด้วยการบริหารร่างกายแก้อาการปวดเมื่อยที่พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปปั้นฤๅษีดัดตนในท่าต่างๆ รวม 80 ท่า พร้อมกับทรงพระราชนิพนธ์โคลงสี่สุภาพเพื่อบรรยายสรรพคุณท่าทางเหล่านั้นรวม 80 บทด้วย แต่น่าเสียดายที่ในเวลาต่อมารูปปั้นบางส่วนสูญหายทั้งจากการเคลื่อนย้ายและถูกขโมยไปขาย

กระทั่งในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แก้สร้อยนามพระอารามว่า “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” และใช้มาจนถึงปัจจุบัน อนึ่ง นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญกับราชสำนักของไทยแล้ว ภายในพระอารามแห่งนี้ยังได้เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของ พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร โดยนิตินัย ก่อนที่จะมีพิธีราชาภิเษกอีกครั้งที่กรุงพนมเปญ (ปัจจุบันคือเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา) โดยพฤตินัย

ไม่เพียงเท่านั้น “วัดโพธิ์ยังเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย” โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ “พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล” ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

และในปี 2561 นี้เองที่ “วัดโพธิ์มีอายุครบ 230 ปี” ดังนั้นจึงจะมีการจัดงาน “สมโภชพระอาราม 230 ปีวัดพระเชตุพนฯ” ระหว่างวันที่1-11 พ.ย. 2561 โดยจัดอย่างยิ่งใหญ่ตลอด 10 วัน10 คืน รวมเรื่องราวเกี่ยวกับวัดโพธิ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผ่านรูปแบบการจัดนิทรรศการที่มีความวิจิตรสวยงาม ซึ่ง พระราชปริยัติมุนี (เทียบสิริญาโณ ป.ธ.9) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด เปิดเผยว่านิทรรศการนี้จะจัดทำเป็น 2 ภาษา ไทย-อังกฤษพร้อมจำลองรูปแบบชีวิตชาวกรุงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นที่สร้างวัดผ่านการแสดงแสง-สี-เสียง

นอกจากนี้ยังจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล และยังได้รับการประสานจากผู้แทนแห่งนครรัฐวาติกัน โดยมองซินญอร์อินดูนิล และท่านฯอายูโซ แห่งสมณกระทรวงว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา ณ นครรัฐวาติกันแจ้งเรื่องที่ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 ได้มีพระสมณประสงค์จะส่งผู้แทนในฐานะทูตจากวาติกันและคณะเดินทางมายังวัดโพธิ์ ประเทศไทย เข้าร่วมพิธีสมโภชพระอาราม 230 ปี วัดพระเชตุพนฯ ด้วย

“พระองค์ท่านทราบว่าวัดโพธิ์จะจัดงานสมโภชวัดอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก โดยทางคณะทูตวาติกันมีความประสงค์ที่จะเข้านมัสการพระเทพวีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯรวมถึงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญๆ ของวัดพระเชตุพนฯ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน ที่มีความสวยงามและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ยักษ์วัดโพธิ์ จารึกวัดโพธิ์ พระอุโบสถรวมถึงชมฤๅษีดัดตน เพื่อศึกษาประวัติเรื่องราวสำคัญ ที่สามารถนำไปเผยแพร่ณ พิพิธภัณฑ์แห่งนครรัฐวาติกันให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกชมได้ ” พระราชปริยัติมุนี กล่าว

ขณะที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอีกท่านหนึ่งพระราชรัตนสุนทร (วินัย) กล่าวเสริมว่า คณะสงฆ์ของวัดพยายามอย่างเต็มที่ในทุกด้าน เพื่อจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวัดโพธิ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อาทิ มีสาธิตงานช่างไทยชั้นสูง การจัดตลาดชาววัง การแสดงมหรสพต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น โขน ลิเก ลำตัดการแสดงเชิงศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงเพลงดาบรำมวยไทย ฤๅษีดัดตน การบรรเพลงดนตรีไทย โปงลาง มโนราห์ การขับร้องเพลงลูกทุ่งไทย การเสวนา และอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะเริ่มงานตั้งแต่ เวลา 10.00-24.00 ของทุกวัน

ทั้งนี้ยังมีการห่มผ้าองค์พระและตักบาตรสตางค์พระพุทธรูป 230 องค์ ถวายสังฆทาน ซึ่งหากโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใดสนใจที่จะนำนักเรียนมาชมเป็นหมู่คณะ สามารถประสานมาได้ที่ พระราชรัตนสุนทร โทร.02-2259595 หรือ 095-8566859