เสี่ยงมะเร็ง
สหรัฐเบรกนำเข้าน้ำปลาไทย
ผู้ผลิตเร่งตรวจพิสูจน์
ไม่มีสารพิษปนเปื้อน
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเผย สหรัฐฯห้ามนำเข้า
น้ำปลาไทย เพื่อให้ตรวจพิสูจน์ให้ได้ว่ากระบวนการหมักไม่มีส่วนผสมสารก่อมะเร็ง หรือเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ส่งผลกระทบร้านอาหารไทยกว่า5พันแห่ง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำปลาปรุงอาหาร
เมื่อวันที่ 23ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ประจำนิวยอร์กสหรัฐอเมริกาเปิดเผยข้อมูลระบุ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ประกาศห้ามนำเข้าน้ำปลาไทย เนื่องจากต้องการให้ทางการไทยตรวจสอบ และพิสูจน์สารปนเปื้อนที่เกิดจากกระบวนการหมักน้ำปลาเสียก่อนว่าไม่มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง เพราะในกระบวนการหมักน้ำปลาไทย จะใช้ปลาตัวเล็กหมัก จึงไม่สามารถชำแหละเอาไส้ปลาออกก่อนได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเด็นนี้ ผู้ประกอบการไทยมองว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สคร.ห่วงว่าประเด็นนี้จะส่งผลต่อร้านอาหารไทยในสหรัฐ ซึ่งมีอยู่ประมาณกว่า 5,000 ร้าน และยังมีร้านอาหารเอเชียจากกัมพูชา เวียดนาม ซึ่งจำเป็นต้องบริโภคน้ำปลา ใช้ปรุงอาหารเช่นกัน
รายงานจากสำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในสหรัฐยังระบุให้ บริษัทโรงน้ำปลาไทย จำกัดเจ้าของน้ำปลาตราปลาหมึก เข้าในบัญชี Import Alert 16-120 และกักกันการนำเข้า เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบ HACCP สำหรับสินค้าอาหารทะเล โดยให้เหตุผลว่ากระบวนการผลิตน้ำปลาอาจก่อให้เกิดสาร Histamine และสารพิษจากเชื้อแบคทีเรีย clostridium butolinum ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
ผลจากการสั่งห้ามนำเข้าน้ำปลาไทยดังกล่าว เริ่มส่งผลให้ร้านอาหารไทยในสหรัฐหลายร้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำปลาแล้ว บางร้านแก้ปัญหาโดยใช้เกลือแทน ส่งผลให้รสชาติและกลิ่นอาหารผิดเพี้ยนไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายการ Import Alertก่อนหน้านี้พบว่า ทางการสหรัฐฯเคยสั่งระงับนำเข้าน้ำปลาไทยจากโรงงานผลิต 3แห่ง คือ 1. Saigon International (2004) จ.ราชบุรี 2. Tang Sang Hah จ.สมุทรปราการ (ทิพรส) ครั้งแรก วันที่ 21เมษายน2557 และครั้งที่ 2 วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และ3. Thang Nguan Hah 92 หมู่1 วัดปลาคู่อำเภอเมือง สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2557
ด้าน นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานบริษัทผู้ที่ถูกห้ามนำเข้าแล้ว ทราบว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข โดยกรณีนี้แตกต่างจากกรณีของน้ำปลาทิพรสที่เคยถูกระงับนำเข้าก่อนหน้านี้ ซึ่งสหรัฐฯขอให้ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้มีสารเจือปนและให้ต้ม อย่างไรก็ตาม กระบวนการหมักน้ำปลาโดยใช้ความเค็มเป็นกระบวนการปกติของคนเอเชียที่มีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล สามารถถนอมอาหารโดยใช้ความเค็ม แต่ไม่สามารถนำไปต้มได้เพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้มั่นใจว่า ปัญหาครั้งนี้จะคลี่คลายไปได้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำปลาของไทย
สำหรับน้ำปลาไทยนั้น เริ่มถูกกักกันและห้ามนำเข้าสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2557 หลังเจ้าหน้าที่ FDA ตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำปลาเครื่องหมายการค้า‘ทิพรส’ของบริษัททั่งซังฮะ (Tang Sang Hah) ตามกฎระเบียบของFDA ที่ต้องสุ่มตัวอย่างตรวจสอบ พบกระบวนการผลิตน้ำปลาของบริษัททั่งซังฮะ อาจก่อให้เกิดสาร Histamineและสารพิษจากเชื้อแบคทีเรีย Clostridium Butolinum ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับสินค้าอาหารทะเลภายใต้กฎระเบียบ HACCP
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี