"อธิบดีชลประทานฯ"จับมือ"อธิบดีกรมฝนหลวงฯ"วางแผนจัดการน้ำฤดูแล้ง ขอให้ประชาชนมั่นใจมีน้ำเพียงพอใช้ตลอดหน้าแล้งนี้ ยังมีน้ำสำรองไว้ถึงเดือนก.ค.ปีหน้ารับมือฝนทิ้งช่วงได้ ขณะที่ฝนหลวงเร่งเติมน้ำเขื่อน120แห่ง สำรองไว้ให้มากที่สุด ชี้ปีนี้เผญิชปรากฏการณ์เอลนีโญ
25 ต.ค.นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกันแถลงแผนบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ เริ่ม 1 พ.ย. - ปลายเดือน เม.ย.ปี 62
โดย นายทองเปลว กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่เตรียมไว้เพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมในฤดูแล้งนี้ และมีน้ำสำรองไว้จนถึงเดือน ก.ค.62 โดยในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางมีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 60,994 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด คาดว่าในวันที่ 1 พ.ย.61 จะมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 39,373 ล้าน ลบ.ม.การจัดสรรน้ำใช้การนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน ใช้ในหน้าแล้ง ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 30 เม.ย.ประมาณร้อยละ 59 ปริมาณ 231,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และสำรองไว้ใช้เพื่อเตรียมการเพาะปลูกในต้นฤดูฝนตั้งแต่ 1 พ.ค. - 30 ก.ค.62 ปริมาณ 162,723 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งที่เผื่อไว้ถึง 3 เดือน เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญอาจทำให้เกิดฝนมาช้าหรือฝนทิ้งช่วง
ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ 7 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ , อ่างเก็บน้ำแม่มอก จ.ลำปาง , อ่างเก็บน้ำทับเสลา จ.อุทัยธานี , อ่างเก็บน้ำกระเสียว จ.สุพรรณบุรี , อ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น , อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง จ.อุดรธานี และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศอย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ ส่วนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง สามารถสนับสนุนได้เฉพาะพืชใช้น้ำน้อยเท่านั้น ยกเว้นอ่างเก็บน้ำแม่มอก จ.สุโขทัย และอ่างเก็บน้ำอุบลรัตน์ จ.ข่อนแกน ที่ไม่สามารถสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรได้ รวม 4.1 แสนไร่ เนื่องจากมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก คงสนับสนุนได้เฉพาะน้ำอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเท่านั้น
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่ใช้น้ำต้นทุนจาก 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล , เขื่อนสิริกิติ์ , เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกัน 19,116 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีปริมาณน้ำใช้การได้ 12,420 ล้าน ลบ.ม.เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในเขตชลประทาน ตลอดช่วงฤดูแล้งนี้
ในส่วนของภาคตะวันออก ที่มีความต้องการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศ มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก สวนผลไม้ส่งออก และเขตอุตสาหกรรมหนัก เป็นต้น กรมชลประทาน ได้วางระบบโครงข่ายการเชื่อมโยงแหล่งน้ำภาคตะวันออก เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการใช้ในแต่ละกิจกรรมตลอดในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งปีนี้สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ในภาคตะวันออกอยู่ในเกณฑ์ดี มีปริมาณน้ำในอ่างฯเฉลี่ยระหว่างร้อยละ 70 - 90 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 763 ล้าน ลบ.ม.เพียงพอที่จะสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ในเขตโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี
นายทองเปลว ยืนยันว่า เกษตรกรในพื้นที่ 2 ล้านไร่ 33 จังหวัด ที่สมัครเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาทั้งหมด จะมีน้ำเพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูก 4 เดือนแน่นอน ส่วนจังหวัดที่ขอสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 7 จังหวัด จะเร่งออกไปสำรวจศักยภาพในการจัดสรรน้ำ ซึ่งหากที่ใดทำได้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขยายจังหวัด จากเดิมกำหนดพื้นที่เป้าหมายไว้ 33 จังหวัด สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอีกประการคือ การควบคุมค่าความเค็มของน้ำภาคกลาง ต้องเฝ้าระวังค่าความเค็มของน้ำที่อำเภอสำแล ปทุมธานีซึ่งต้องใช้น้ำมาผลิตน้ำประปา นอกจากนี้ ต้องเฝ้าระวังที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งมีพืชสวนมาก และปากคลองจินดา ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกล้วยไม้แหล่งใหญ่ของ อ.สามพราน จ.นครปฐม
สำหรับการเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่อาจจะประสบกับปัญหาภัยแล้งนั้น กรมชลประทานได้เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 1,851 เครื่อง กระจายอยู่ตามสำนักงานชลประทานที่ 1 - 17 จำนวน 1,151 เครื่อง สำรองไว้ที่ส่วนกลาง 700 เครื่อง นอกจากนี้ ยังมีรถบรรทุกน้ำอีก 200 คัน กระจายอยู่ตามโครงการชลประทานต่างๆ 150 คัน อีก 50 คัน สำรองไว้ที่ส่วนกลาง ซึ่งสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนได้ตลอดเวลา
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝนนั้น กรมชลประทานได้มีการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ โดยได้กำหนดจุดเฝ้าระวังเสี่ยงภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ จ.เพชรบุรี ลงไป 75 จุด ได้มีการเตรียมพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำไว้ในพื้นที่แล้ว
ด้าน นายสุรสีห์ กล่าวว่า จะเร่งปฏิบัติการเติมน้ำเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง 120 เขื่อน ที่ยังมีน้ำต่ำกว่าร้อยละ 30 และร้อยละ 60 จำนวน 120 เขื่อน ในช่วงเวลาที่เหลือจะทำฝนหลวงถึง 15 พ.ย.คาดว่าจะเติมน้ำให้ได้อีก 30 ล้าน ลบ.ม.โดยรวมจากช่วงก่อนหน้านี้ได้เร่งปฏิบัติตั้งแต่ 20 ก.ย.เพื่อเติมน้ำเขื่อนน้ำน้อย ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ ปัจจุบันยังมีเกษตรกรขอรับบริการฝนหลวงเพื่อใช้ทำการเกษตรอยู่ จำนวน 8.30 ล้านไร่ เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าวในบางภูมิภาค ประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตอับฝน มีฝนตกน้อย จึงทำให้มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับพืชบางชนิด อาทิ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ที่มีความต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตให้ทันฤดูกาลเก็บเกี่ยวปลายปีนี้ ซึ่งจากการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรบริเวณ จ.เชียงใหม่ , สระบุรี , ลพบุรี , นครสวรรค์ , อุทัยธานี , สุพรรณบุรี , ชัยนาท และ จ.สิงห์บุรี ประมาณ 170 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเข้าสู่ฤดูหนาว ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำ ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำฝน แต่ฝนหลวงจะยังคงเฝ้าติดตามสภาพอากาศ ช่วงชิงจังหวะที่สามารถปฏิบัติการให้เกิดฝนได้ ทำต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือน พ.ย.คาดว่าจะสามารถทำให้มีฝนตกลงมาเพิ่มปริมาณน้ำได้อีก 30 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ทั้งนี้ แม้จะปิดหน่วยฝนหลวงทั้งหมดเพื่อนำอากาศยานเข้าซ่อมบำรุง ก่อนจะเปิดตามแผนปฏิบัติการประจำปีในเดือน มี.ค.62 กรมฝนหลวงฯ จะตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว 2 ชุดที่ จ.นครสวรรค์ เตรียมพร้อมขึ้นบินปฏิบัติการในพื้นที่ที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยได้ทั่วประเทศ เนื่องจากในหน้าแล้งนั้น ในเดือนหนึ่งจะมีวันที่มีความชื้นสัมพัทธ์ในบรรยากาศเกินกว่าร้อยละ 60 ซึ่งสามารถทำฝนให้ตกลงมาได้ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เกษตรโดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน
จากการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาภัยแล้งทั่วทุกภูมิภาค ในบริเวณพื้นที่การเกษตรที่ขาดแคลนน้ำทำการเกษตร การอุปโภค-บริโภค ตามการร้องขอฝน การวิเคราะห์สภาพอากาศและสถานการณ์ภัยแล้งเป็นประจำทุกวัน โดยในภาพรวมของการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 23 ต.ค.61 ได้ขึ้นบินปฏิบัติการ จำนวน 223 วัน 4,299 เที่ยวบิน ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 3,621.83 ตัน มีฝนตกรวม 58 จังหวัด มีพื้นที่ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น จำนวน 137.57 ล้านไร่ จากพื้นที่การขอรับบริการและพื้นที่ภัยแล้งทั้งหมด 181.05 ล้านไร่ อีกภารกิจ คือ การช่วยเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่มีความต้องการทั่วทุกภูมิภาค โดยประสานข้อมูลกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศเพื่อรองรับการใช้การในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี