2 พ.ย.61 ความคืบหน้ากรณี นายอภิภู พันนาม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/24 หมู่ 8 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเสียชีวิตที่หน้าร้าน เลขที่ 325/3 หมู่ 11 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดคืนวันที่ 21 ต.ค.61 ที่ผ่านมา
ต่อมาพบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ที่หน้าร้านของคนตาย ซึ่งกล้องสามารถจับภาพพฤติกรรมของคนร้ายทั้งก่อนและหลังก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยคนร้ายเป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน โดยคนขับเป็นชาย
ขณะกำลังลงไปเอาอะไหล่รถจักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิตเห็นเข้าพอดี จึงรีบเปิดประตูร้านออกมาแล้วใช้ท่อนเหล็กขว้างใส่คนร้าย แต่กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าใส่ 1 นัด ขณะนั้นนายอภิภู ได้พยายามวิ่งหลบหนีเข้าบ้าน แต่ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงล้มลงและเสียชีวิตอยู่ที่หน้าบ้าน หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ความสนใจกับคดีดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ลงพื้นที่เพื่อคลี่คลายคดีร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยพล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รรท.ผบช.ภาค 7 และ พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เป็นโฆษก ในการแถลงความคืบหน้าของคดีต่อสื่อมวลชน
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 สภ.เมืองกายจนบุรี พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภาค 7 พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ชวลิต สุขสุวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ ผกก.กก.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ธีระพงษ์ ฤทธิ์จรูญ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี และ ภ.จว.กาญจนบุรี
แถลงข่าวจับกุมตัว นายศรัญญู หรือปืน วิเศษสิงห์ อายุ 29 ปี และ น.ส.สุทิศา พงษ์ศักดิ์ อายุ 29 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 9 บ้านห้วยสะพาน หมู่ 2 ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งการแถลงในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด แต่ได้นำของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 นัด โช๊ครถจักรยานยนต์ 1 อัน ล้อรถจักรยานยนต์ 1 คู่ รวมทั้ง แหวน สร้อยพระ ไฟฉายคาดศรีษะ หมวกผ้าคลุมใบหน้า และเสื้อผ้าที่ 2 ผู้ต้องหาใช้สวมใส่ ในวันก่อเหตุ มาแถลงข่าวแทน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภาค 7 กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03:00 น. ได้เกิดเหตุที่สะเทือนใจต่อพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งสื่อมวลชนก็ได้นำเสนอข่าวทั้งทางทีวีและหนังสือพิมพ์มาแล้ว
ก่อนหน้านี้เจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ได้ถูกคนร้ายเข้าลักขโมยเอาชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไป จากนั้นเจ้าของร้านก็คิดหาวิธีป้องกัน ด้วยการนำกล้องวงจรปิดมาติดเอาไว้ที่หน้าร้านเนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายจะกลับมาขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ยังคงเหลืออยู่
ต่อมาอีกไม่กี่วันก็ได้มีคนร้ายเข้ามาลักอะไหล่รถจักรยานยนต์จริงๆ หลังจากที่เจ้าของอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์เห็นคนร้ายจากกล้องวงจรปิด จึงเปิดประตูแล้วคว้าท่อนเหล็กขว้างใส่คนร้ายจนล้มลง จากนั้นก็ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองพกสั้นยิงสวนกลับมา จนเจ้าของร้านเสียชีวิต
หลังจากเกิดเหตุ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.และพล.ต.ท ศักดา ชื่นภักดี ผช.ผบ.ตร.ได้สั่งกำชับให้ เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ดังนั้น พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รรท.ผบช.ภาค 7 จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง รรท.ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทั้งจากตำรวจภูธรภาค 7 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี
จากที่เราไม่รู้ ตัวคนร้ายมาก่อนเลย เจ้าหน้าที่ จึงได้แกะร่องรอยหาหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งสืบสวนหาข้อมูลจากท้องถิ่นภาคพื้นดิน และติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุก็คือนายศรัญญู และ น.ส. สุทิศา สองสามีภรรยา ซึ่งในวันเกิดเหตุนายศรัญญู ได้มากับภรรยา เพื่อร่วมกันลักชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ซึ่งครั้งแรกผู้ต้องหาได้ลักอะไหล่รถจักรยานยนต์ไปได้ ประกอบด้วย ล้อรถจักรยานยนต์ 2 ล้อ และโช๊คหลัง 1 อัน แต่ปรากฏว่ายังขาดโช๊คอีก 1 อัน จึงกลับมาขโมยในวันเกิดเหตุ จึงถือว่าเป็นการ ตั้งใจมาลักขโมย
และจากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ทราบว่า ผู้ต้องหามีนิสัยชอบยิงปืนจึงพกเอาไว้อยู่ตลอดเวลา สำหรับอาชีพของผู้ต้องหานั้น มีอาชีพหาปลาและลักขโมย เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวมาดำเนินคดีอาวุธปืน และเสพยาเสพติด และเพิ่งออกจากคุกมาได้ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อออกมาก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม และล่าสุดก็มาก่อเหตุลักอะไหล่รถจักรยานยนต์ และยิงเจ้าของเสียชีวิตดังกล่าว หลังถูกจับกุมผู้ต้องหาก็ให้การยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง และเจ้าหน้าที่สามารถยึดได้ทั้งของกลางเป็นอาวุธปืนและเสื้อผ้ารวมทั้งอะไหล่รถจักรยานยนต์ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายศรัญญู หรือนายปืน พร้อมภรรยาด้วย ซึ่งนายปืนจะถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามลักทรัพย์และก็ฆ่า ส่วนภรรยาจะถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามลักทรัพย์ โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจาก พล.ต.ต.กฤษณะ ทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวผู้ต้องหา สองสามีภรรยา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกดเหตุ โดยเมื่อไปถึงพบว่ามีญาติ และกลุ่มเพื่อนของนายอภิภู พันนาม ผู้เสียชีวิต มารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงระดมกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้ญาติและกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตกรูเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหาได้ ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ต่างตะโกนสาปแช่งด่าทอไปต่างๆนาๆ สำหรับการทำแผนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
โดย น.ส.พรลัดดา กากะนิก อายุ 23 ปี แฟนของผู้เสียชีวิต ที่มาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กล่าวว่า หลังจากสามีของตนถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต จากนั้นก็ได้นำศพมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) โดยทุกวันตนจะจุดธูปบอกสามีว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะคอยดูแลเรื่องคดีเอง และสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด แต่อย่างไรก็ตามขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับคนร้ายให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่มีโอกาสออกมาก่อเหตุร้ายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี