ผ่านไปแล้ววันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ทั่วโลกจะจัดกิจกรรมฉลองเทศกาลฮาโลวีน ทั้งการตกแต่งบ้านเรือน ด้วยฟักทอง อาหาร ขนมสีสันฉูดตา และไฮไลท์สำคัญที่สุดคือ การแต่งชุดแฟนตาซีสารพัดผี ซึ่งว่ากันไปตามแต่ละประเทศ
ในขณะที่เมืองไทยก็ไม่ได้ตกขบวนฮาโลวีนโลก แต่สีสัน และนำเสนอ ผ่านการฉลองที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ การนำเอากิจกรรม มาปรับ ต่อยอด สร้างสรรค์เพื่อสังคมของน้องๆ เด็กเยาวชน
โดยเฉพาะในเรื่องของการรณรงค์ เคลื่อนไหว สร้างการตระหนักรู้ ในพิษภัยของแอลกอฮอล์ โดยกิจกรรมที่น่าสนใจดังกล่าว จัดขึ้น ที่เกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต ทีมเฉพาะกิจเธียเตอร์ จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันฮาโลวีน 2018 ภายใต้แนวคิด Halloween Party #หยุดผีดื่มแล้วขับ ได้ร่วมกันแต่งกายแฟนซีเป็นภูตผีปีศาจ เพื่อสะท้อนปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนจากคนเมาแล้วขับ สร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนเพื่อลดอุบัติเหตุ
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. บอกถึงที่มาของการจัดงานครั้งนี้ว่าเป็นการเปิดเวทีสร้างสรรค์ให้เยาวชนแสดงออก สนุกได้แบบไร้แอลกอฮอล์ สร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ใช่แค่เฉพาะเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์ เพราะการดื่มฉลองของคนไทยมีทุกวัน
โดยบางครั้งถูกกระตุ้นจากโปรโมชั่นร้านค้าหรือสถานประกอบการ หลายครั้งที่ความสนุกสนานมาพร้อมกับความมึนเมา นำพานักดื่มไปสู่ความประมาท กระทั่งทำให้ผู้ร่วมทางคนอื่นกลายเป็นเหยื่อ บาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิต
“จากรายงานสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ในปี 2559 มีสูงถึง 21,745 ราย ผู้ประสบอุบัติเหตุส่วนใหญ่อยู่ในวัย 15-24 ปี ขณะที่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตในช่วงเทศกาล เกิดจากการดื่มแล้วขับ ทั้งนี้ จากการศึกษาตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ที่เกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 พบว่า กว่า 56% มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่ากฎหมายกำหนด” นางสาวรุ่งอรุณ ฉายภาพ ของจำนวนสถิติ
ขณะที่ นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ เสริมต่อในประเด็นดังกล่าวว่า ขณะนี้สังคมมีความตื่นตัวในการช่วยกดดันโทษเมาแล้วขับมากขึ้น แต่ที่ต้องเพิ่มเติมคือการรณรงค์เผยแพร่พิษภัยของแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งในบางประเทศมีโทษหนักกว่าประเทศไทย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นตำรวจจะสืบสวนสอบสวนหาความเชื่อมโยงว่าผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็ก และดำเนินการตามกฎหมายด้วยโทษสูงสุด ถึงขั้นปิดสถานบันเทิง ขอสนับสนุนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศนโยบายไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เข้มงวดตรวจตราสถานบันเทิง ห้ามปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ และเมื่อเด็กเมาแล้วขับเกิดอุบัติเหตุ ก็ควรจัดการไปให้ถึงคนที่ขายเหล้าให้เด็กด้วย กฎหมายมีอยู่แล้วแต่ไม่ทำกันจริงจัง
ด้าน เยาวชน ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่าง วิกานดา ผิวกระด้าง หรือ น้องอาร์ม อายุ 26 ปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคนดื่มแล้วขับ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หลังกลับจากฉลองสอบเสร็จได้นั่งมาในรถกระบะที่มีเพื่อนขับ ซึ่งดื่มเหล้ามาก่อนหน้านี้ ขับด้วยความเร็ว และหลับใน กระทั่งรถพลิกคว่ำ ทำให้ตนกระเด็นออกนอกรถ กระแทกลงด้านหลังติดกับก้อนหิน ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งล่าง ต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอดชีวิต
เธอเล่าประสบการณ์ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และมีพลังใจ ที่ทำให้สามารถที่เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ว่า ได้รับกำลังใจจากครอบครัว คนรอบข้างมากขึ้นจึงหันมาทำงานจิตอาสา และตั้งใจช่วยดูแลผู้ที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีใครต้องมาสูญเสียจากความประมาทของคนดื่มแล้วขับ ทุกคนอยากเดินทางถึงบ้านด้วยความปลอดภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี