4 พ.ย.61 นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง มอบหมายให้นางสาวอมรรัตน์ เสริมวัฒนากุล ผู้เชี่ยวชาญกรมประมงเข้าชี้แจงแก่สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ หลังจากที่ได้ส่งหนังสือเสนอให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประชำชาติถึงสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว
โดยเบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญกรมประมงจะอธิบายทั้งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่า ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำถิ่นของประเทศไทยมาแต่โบราณ โดยทางประวัติศาสตร์นั้นมีทั้งหลักฐานและเอกสารที่พบว่า คนสยามเลี้ยงปลากัดมาเนิ่นนาน มีประเพณีแข่งขันกัดปลา
ส่วนทางวิทยาศาสตร์พบว่า มีนักวิทยาศาตร์ยุโรป มาเก็บตัวอย่างปลากัดจากแหล่งน้ำสาธารณะซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยในทางวิทยาศาสตร์นั้น หากมีการเก็บตัวอย่างพืชหรือสัตว์จากที่ใดเป็นที่แรก ถือว่า เป็นสัตว์ประจำถิ่นของพื้นที่ที่เก็บตัวอย่าง ซึ่งต่อมามีการจำแนกชนิด แล้วตั้งชื่อปลากัดที่เก็บตัวอย่างไปว่า Siamese Fighting Fish ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Betta splendens
ส่วนข้อซักถามของสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติที่ว่า ปลากัดไทยแต่ดั้งเดิมจะมีครีบสั้น หางสั้น ส่วนในปัจจุบันครีบยาว หางยาวนั้น เป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ ทางนักวิชาการกรมประมงได้เตรียมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สำหรับตอบประเด็นนี้แล้วว่า ปลากัดที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติแต่โบราณมีครีบสั้น หางสั้น แต่เมื่อถูกจับมาเลี้ยงในพื้นที่แคบๆ จึงวิวัฒนาการจนมีครีบยาว หางยาวซึ่งใช้เวลาหลายปี จากการเพาะพันธุ์หลายรุ่น
ทั้งนี้ ในการชี้แจงของกรมประมงในวันพรุ่งนี้( 5 พฤศจิกายน) หากสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติต้องการหลักฐานและเอกสารใดเพิ่มเติม กรมประมงพร้อมจัดส่งมาประกอบการพิจารณา ซึ่งหากสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติเห็นด้วยว่า ปลากัดเป็นปลาประจำถิ่นของไทย จะนำเสนอครม. เห็นชอบให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทยต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี