ยังคงวุ่นกันไม่เลิก สำหรับปัญหาของอุตสาหกรรมยาสูบ ที่แม้จะผ่านไปแล้วกว่า 1 ปี ภายหลังกฎกระทรวงกำหนดพิกัดภาษีสรรพสามิตยาสูบมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2560 แต่ฝุ่นยังไม่หายตลบ เหตุจากอัตราภาษีบุหรี่ที่สูงจนทำเอายอดขายบุหรี่ถูกกฎหมายทรุดฮวบ เดือดร้อนไปถึงชาวไร่ยาสูบต้องโดนการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ตัดโควตารับซื้อปีหน้าลงครึ่งหนึ่ง
ก่อนหน้าที่ ยสท. จะประกาศลดโควตาครึ่งหนึ่งนั้น เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ยสท. ถึงขั้นประกาศ “งด” ซื้อใบยาทุกสายพันธุ์เพราะมีสต๊อกเหลือมากเกินปริมาณที่ต้องใช้ผลิตบุหรี่ที่มียอดขายตกฮวบจากพิษภาษี จนทำให้ชาวไร่ยาสูบนิ่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป ต้องออกมาเรียกร้องผ่านทุกช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวทีการประชุมอุตสาหกรรมยาสูบแห่งประเทศไทยเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้แทนภาคีชาวไร่ยาสูบ 12 กลุ่มทั่วประเทศที่เดือดร้อนหนัก ตลอดจนผู้แทนสหภาพแรงงานฯ ยสท. และผู้นำเข้าบุหรี่ เข้าร่วมประชุมกันพร้อมหน้าที่ผ่านมา ข้อเรียกร้องหลักๆ จากการประชุมสรุปได้ 4 ข้อ
ขอให้ ยสท.ประกาศรับซื้อใบยาตามโควตาต่อไปทุกปี ล่าสุดแม้รัฐบาลจะสั่งการให้กระทรวงการคลังหามาตรการชดเชยชาวไร่ยาสูบที่ถูกลดผลผลิตลงแล้วโดยจะขออนุมัติเงิน 200 ล้าน เพื่อจ่ายค่าชดเชย แต่มาตรการดังกล่าวยังคงเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่สามารถช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบเพียงแค่ปีนี้เท่านั้น หากยอดขาย ยสท. ยังคงลดลงต่อไปเรื่อยๆ ยสท. คงไม่สามารถรับซื้อใบยาได้อีกในปีต่อๆ ไป
ขอให้กระทรวงการคลังชะลอการขึ้นอัตราภาษีบุหรี่เป็นร้อยละ 40 ของราคาขายปลีกที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบมากกว่านี้แม้ในช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา จะมีข่าวจากว่ากระทรวงการคลังรับที่จะเลื่อนกำหนดการขึ้นภาษีดังกล่าวออกไปอีก 2 ปี แต่น่าเสียดายที่กระทรวงการคลังออกมาปฏิเสธข่าวและยืนยันขึ้นภาษีตามกำหนดเดิม นอกจากนี้ ยังเสนอร่างกฎหมายมาเก็บภาษีบุหรี่เพิ่มซองละ 2 บาท ไปสมทบระบบบัตรทองของ สปสช. แต่ก็มีผู้คนคัดค้านมากมาย แถมอาจตกม้าตายเพราะขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังของประเทศ
ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาทบทวนอัตราภาษียาสูบในปัจจุบันเพื่อลดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบทุกภาคส่วนที่สำคัญคือเพื่อให้ ยสท. มีกำไรเพียงพอที่จะรับซื้อใบยาสูบได้เช่นเดิมต่อไป โดยการปรับจุดตัดราคาที่ใช้แบ่งอัตราภาษีบุหรี่ให้สูงขึ้นกว่าเดิมที่อยู่ที่ 60 บาท น่าจะช่วยให้ ยสท. เองมีกำไรและแข่งขันได้ดีขึ้น แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจากกระทรวงการคลัง ขณะที่ผลประกอบการของ ยสท. ในปีงบประมาณ 2561 มีกำไรลดลงเหลือเพียง 900 ล้านบาท จากที่ปีก่อนมีกำไรมากกว่า 9 พันกว่าล้านบาท
ขอให้กระทรวงการคลังปรับขึ้นภาษียาเส้น เพื่อลดช่องว่าราคาระหว่างบุหรี่กับยาเส้น พร้อมกับต้องเร่งปราบปรามบุหรี่เถื่อนเรื่องนี้ต้องขอชื่นชมอธิบดีสรรสามิตคนใหม่ที่ดูเหมือนเข้าใจสถานการณ์ถ่องแท้จึงได้มอบนโยบายเร่งปราบปรามบุหรี่เถื่อนและกำลังศึกษามาตรการขึ้นภาษียาเส้นอยู่อย่างจริงจัง แต่ต้องยอมรับว่าทั้งสองปัญหานี้มีมานานนม ยังไม่รู้จะแก้ได้จริงมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามผลงานต่อไป
สรุปแล้ว 1 ปีผ่านมา ภาษียาสูบยังคงสร้างความสับสนอลหม่านได้ไม่รู้จบ แถมรายได้ก็อาจไม่เข้าเป้าในอนาคต แต่กระทรวงการคลังดูเหมือนยังไม่ยอมปรับเปลี่ยนแผนเพื่อพี่น้องเกษตรกรที่เดือดร้อน มาตรการที่จะชดเชยรายได้ให้ชาวไร่ก็เป็นเพียงมาตรการเฉพาะกิจที่ทำแค่ปีเดียว ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน วิกฤติอุตสาหกรรมยาสูบจะจบลงอย่างไร ต้องฝากความหวังไว้ที่ท่านนายกฯประยุทธ์ช่วยดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี