ง้างปาก พมจ.กาฬสินธุ์! ปปท.ลุยสอบพบ‘แก๊งอมเงินคนพิการ’โยงจนท.รัฐ
ความคืบหน้ากรณีผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ 9 ราย ออกมาร้องเรียนเงินค่าจ้าง ระบุถูกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ หักจ่ายไม่ครบตามสัญญา พร้อมร้องเรียนเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ และมีการแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อต่อสายตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย.61 ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายพุฒิพงษ์ เลิศสถิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.) พร้อมด้วย นายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวน ชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ปปท.เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ ได้ตั้งโต๊ะรับเรื่องประเด็นข้อร้องเรียนดังกล่าว โดยมีนายครรชิต บัวกมล ปลัดอำเภอประจำศูนย์ดำรงธรรม อ.สหัสขันธ์ , ร.ท.แก้ว งามเลิศ ผบ.ร้อย.กกล.รส.จ.กาฬสินธุ์ , นายนิวัน นาพรม นายกเทศมนตรีตำบลนิคม และผู้ปกครองคนพิการ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิตามมาตรา 35 ต้อนรับและให้ข้อมูล
นายพุฒิพงษ์ กล่าวว่า ตามที่ ปปท.ได้รับแจ้งจากนายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ว่ามีผู้ปกครองคนพิการ และผู้พิการทุกประเภท ออกมาร้องเรียนประเด็นมีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินค่าจ้างและกองทุนต่างๆที่เกี่ยวกับคนพิการในหลายจังหวัด ซึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ในฐานะหน่วยงานตรวจสอบข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และขึ้นตรงต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตระหนักในความเดือดร้อนของประชาชน และผลกระทบต่อคนพิการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ลงมาดูปัญหาและตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อคลี่คลายปัญหา ตามนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล และตามคำสั่ง คสช.ที่ 69 /2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ
นายพุฒิพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการร่วมกับสำนักงาน ปปท.เขต 4 ขอนแก่น นำเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เป็นแห่งแรกของประเทศ โดยประสานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ นัดพบผู้เดือดร้อนเสียหายมาให้ปากคำที่จุดเดียวกัน เพื่อจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมหลักฐานดำเนินการไต่สวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ได้พบว่าเชื่อมโยงส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย โดยจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในเชิงลึก เพราะปัญหาดังกล่าวสะสมมาตั้งแต่ปี 60 ต่อเนื่องถึงปี 61
ทั้งนี้ หลังจากสอบปากคำผู้ปกครองคนพิการอย่างละเอียด เบื้องต้น 5 ปาก ประกอบด้วย นางฐานิดา อนุอัน ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1 , นางอรสา วงศา อดีตเหรัญญิกชมรมผู้ปกครองคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ , นางราตรี คามูลทา , น.ส.สาวรินดา ธะระพันธุ์ และ น.ส.พัชรีพร ศิริเคียนทอง อดีตนายทะเบียนชมรมผู้ปกครองฯ ที่ออกมาร้องเรียนเป็นรายที่ 9 แล้ว โดยทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่าได้รับเงินค่าจ้างดูแลผู้พิการจากชมรมฯไม่ครบตามจำนวนที่ควรจะได้รับ โดยให้รับเป็นรายเดือนเฉลี่ยคนละ 2,000-4,000 บาท แต่จะมีการโอน 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเดือนละเกือบ 10,000 บาท อีกทั้งยังถูกยึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีไว้
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อีกหนึ่งทีม นำโดยนายทองสุข ณ พล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ปปท.เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางเข้าสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และนิติกร ประจำสำนักงาน พมจ.กาฬสินธุ์ ที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 1 โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงด้วย
ด้านนายทองสุข กล่าวว่า การเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งจากคำให้การของผู้ปกครองคนพิการที่ออกมาร้องเรียน และคำให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่ พมจ.กาฬสินธุ์ ยังไม่สามารถสรุปผลได้ในตอนนี้ ซึ่งจะได้นำข้อมูล หลักฐานที่ได้ไปประมวลว่าเชื่อมโยงใครบ้าง เส้นทางการเงินไปมาอย่างไร รวมทั้งรายละเอียดในสัญญา เพื่อนำไปสู่การพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดต่อไป ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนข้องเกี่ยวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง และดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะปัญหานี้เป็นความเดือดร้อนของประชาชน และคนพิการ ซึ่งสังคมกำลังจับตามองอยู่ว่า ใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด และใครอยู่เบื้องหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี