แฉ‘หมอฉาว’
ลวนลามเหยื่อ20ราย
สั่งตั้งกก.สอบแล้ว
ตร.เร่งเก็บหลักฐาน
“ทนายนิด้า”แฉ หญิงสาวกว่า 20 ราย ตกเป็นเหยื่อหมอฉาวมั่นใจเอาผิดได้แน่ เลขาฯแพทยสภาระบุตั้งอนุ กก.สอบแล้ว ถ้าผิดจริงจะลงโทษตามกฎหมาย คดีจริยธรรม ด้าน สสจ.นครสวรรค์ ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง เข้าสอบที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ดูแลสถานที่ระบุไม่ได้ยินเสียงร้อง ให้ช่วย ยันทำงาน20ปีเจ้าของคลินิกมีพฤติกรรมหื่น ตร.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวน
จากกรณีเฟซบุ๊คเพจทนายนิด้าเผยแพร่เรื่องราวที่หมอลวนลามคนไข้สาวขณะตรวจภายในที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ โดยตอนแรกหมออ้างว่าใช้ของปลอมสอดใส่ เพื่อเป็นการปลุกอารมณ์ทางเพศ จากนั้นก็ได้มีการจ่ายเงิน 3 แสนบาท แลกกับการที่ไม่ให้ผู้เสียหายดำเนินคดี ต่อมาหมอคนดังกล่าวเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นและข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นด้วยประการใดๆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายไว้แล้ว ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน น.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้ากล่าวว่าหลังเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ได้มีผู้เสียหายกว่า 20 ราย ติดต่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับหมอคนดังกล่าวเป็นจำนวนมากโดยส่วนใหญ่จะถูกกระทำอนาจารในลักษณะเดียวกัน คือมีการเอานิ้วสอดใส่ในอวัยวะเพศ รวมถึงเอาอวัยวะเพศชายถูไถ และมีหนึ่งในผู้เสียหายอายุ 29 ปี ถูกข่มขืนระหว่างไปตรวจภายในที่คลินิกเช่นเดียวกัน ซึ่งสามีที่ไปด้วยกันก็ยังไม่รู้เรื่อง โดยกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ตอนนี้ทางเราได้เก็บคลิปเสียง ข้อมูลการแชตสนทนาผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ระหว่างหมอกับผู้เสียหายไว้หมดแล้ว รวมถึงพยานบุคคลที่พร้อมจะเป็นพยานอีกจำนวนมาก มั่นใจว่าจะเอาผิดได้อย่างแน่นอน
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ทั้งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแล จ.นครสวรรค์ ลงไปติดตามกรณีดังกล่าว พร้อมกับนายแพทยสาธารณสุขจังหวัดแล้วเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมแพทย์ เบื้องต้นขอติดตามผลการสอบสวนก่อนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะคดีข่มขืน เป็นคดีอาญา ซึ่งต้องมีการลงโทษทางวินัยราชการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการพักงาน ยังคงต้องรอดูข้อเท็จจริง
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่าทางแพทยสภารับทราบข้อมูลและรอข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายและพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีจริยธรรมตามกฎหมายต่อไป โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์จะเป็นผู้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว ควบคู่กับอนุกรรมการจริยธรรม หากตรวจสอบพบว่าแพทย์มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ถือเป็นความผิดทางจริยธรรมที่ต้องพิจารณาลงโทษต่อไป ทั้งนี้ ขอวิงวอนประชาชนว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก และอย่ากลัวการตรวจภายในที่จะตรวจพบและรักษาโรคสตรีได้จำนวนมาก ทางแพทยสภาขอยืนยันในความตั้งมั่นในคุณธรรมของสูตินรีแพทย์ทั่วประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอสูตินรีทุกคน
ด้าน พญ.ชัญวลี ศรีสุขโข โฆษกแพทยสภา และในฐานะสูตินรีแพทย์ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจริยธรรมทางการแพทย์ โดยครอบคลุมทั้งเรื่องความเสื่อมเสียในวิชาชีพและทำให้คนไข้เกิดความวิตกกังวลในการรับบริการ หากพบว่าเป็นข่าวที่มีผลกระทบต่อวงกว้าง ก็จะนำเข้าสู่การพิจาณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมได้ทันที จากปัญหานี้ไม่อยากให้คนไข้รู้สึกกังวลหรือ กังวลกับการตรวจภายในจนไม่กล้ามารับการรักษา เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทย มีสัดส่วนของแพทย์สูตินรี เป็นผู้หญิงมากถึงร้อยละ 80 ซึ่งผู้ป่วยสามารถเลือกขอรับบริการได้ ขณะเดียวกันในการตรวจจะต้องมีมาตรฐานคือมีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วยเสมอ
ในส่วนของ นพ.อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์กล่าวว่าได้ประสานไปยังผอ.รพ.ที่ทางนายแพทย์คนดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและประสานให้หยุดการทำหน้าที่ หรือลาพักร้อนไปก่อน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นได้สั่งให้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีนายแพทย์ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของจังหวัดเป็นประธานสืบข้อเท็จจริง ซึ่งทุกอย่างต้องสอดคล้องกับสำนวนการสอบสวนของตำรวจ หากผลการสืบข้อเท็จจริงออกมาอย่างไร จะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งกรรมการสอบสวน เอาผิดทางวินัยต่อไป
ต่อมาเวลา15.00น.นพ.อดิสรณ์ เดินทางเข้าตรวจสอบคลินิกหมอจักรพงษ์ ต.ปากน้ำโพธิ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ซึ่งเจ้าของคลินิกถูกแจ้งความดำเนินคดีอนาจารและกระทำชำเราจากนั้น โดยให้สัมภาษณ์ว่าการตรวจภายใน มีหลักอยู่ 3 ข้อ คือ1.ผู้ป่วยต้องยินยอม 2.ผู้ป่วยจะต้องมีเหตุให้สามารถตรวจภายในบ้างและ3.จะต้องมีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วยตลอดเวลา ซึ่งตามปกติแล้ว จะมีผู้หญิงอยู่ประจำคลินิก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องสรุปอีกครั้งหนึ่งว่า ในวันเกิดเหตุทำไมบุคคลที่ 3 ถึงไม่อยู่ด้วย ส่วนของคดีความถือว่า ขณะนี้ นพ.คนดังกล่าวยังไม่เป็นมีความผิด เนื่องจากให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยู่ในระหว่างการ พิจารณาว่าต้องปิดคลินิกหรือไม่
ทางด้าน หญิงวัย 57 ปี คนดูแลคลินิก (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล)แผยว่าได้ทำงานที่นี่มา 20ปีในวันเกิดเหตุ เห็นผู้เสียหายเข้าไปรักษาอาการตามปกติ ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือโวยวายแต่อย่างใด และคิดว่า ถ้าหากเกิดเหตุขึ้นจริง หากผู้เสียหายจะร้องขอความช่วยเหลือ เชื่อว่าบุคคลที่อยู่ภายในคลินิกจะต้องได้ยินเพราะประตูด้านหน้าของห้องตรวจเปิดไว้ตลอดเวลาและตั้งแต่ที่ตนทำงานมา เห็นว่า นายแพทย์ที่ถูกกล่าวหา ไม่น่าจะมีพฤติกรรมก่อเหตุดังกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)เปิดเผยว่าขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และผลตรวจร่างกายของผู้เสียหายจากแพทย์แล้ว โดยได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้วจำนวนหนึ่ง และได้เรียกตัวผู้ถูกกล่าวหา ให้มารับทราบข้อหาแล้ว คงต้องรอให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อมีความเห็นในทางคดีและสรุปสำนวนการสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้รับทราบแล้ว ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนคดี อย่างตรงไป ตรงมา รวดเร็ว เป็นธรรม
ขณะพ.ต.ท.บุญเชิด จันทร์มณี รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้างานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นจากผลตรวจของ รพ.ตำรวจ พบว่าไม่พบคราบอสุจิ แต่พบร่องรอยบางอย่างเท่านั้น ซึ่งผลการตรวจไม่ชัดเจนเนื่องจากทิ้งระยะเวลานานกว่า 10 วัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการส่งสำนวน หรือนำตัวหมอคนดังกล่าวไปฝากขังศาลแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ต้องหามีหลักแหล่งชัดเจน จึงต้องรอระยะเวลาประมาณ 10-15 วัน จะส่งตัวพร้อมสำนวนไปยังศาลต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี