เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ครม. มีมติใช้เงินงบประมาณช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย หลายมาตรการ รวมๆ กันแล้วเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย บรรเทาภาระค่าน้ำค่าไฟ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 - กันยายน 2562 ครัวเรือนละ 330 บาท รวมเป็นเงิน 27,060 ล้านบาท สนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีในเดือนธันวาคม 2561 คนละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 7,250 ล้านบาท ค่าเดินทางเพื่อการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป คนละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 3,500 ล้านบาท ช่วยเหลือค่าเช่าบ้านตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561- กันยายน 2562 คนละ 400 บาท รวมเป็นเงิน 920 ล้านบาท รวมทั้ง 4 มาตรการเป็นเงิน 38,730 ล้านบาท โดยระบุว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก
นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาประกาศว่ามาตรการเหล่านี้ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับการเมือง......ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝักใฝ่การเมืองอย่างพวกเราก็พอจะมองออกว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว....
มติ ครม.วันเดียวกันนี้ยังใช้เงินนับหมื่นล้านบาท อีกเรื่องหนึ่ง คือ มาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางเพื่อสร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีดยาง ในวงเงิน 1,800 บาทต่อไร่ (รายละไม่เกิน 15 ไร่ พื้นที่รวม 10 ล้านไร่) เงินจำนวนนี้เป็นของเจ้าของสวนยาง 1,100 เป็นของคนกรีดยาง 700 บาท หรืออัตราส่วน 60:40 แต่มีข้อแม้ว่า ชาวสวนยางที่จะได้สิทธิ์นี้ต้องเป็นชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท. และพื้นที่ปลูกต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้น งบประมาณที่ต้องใช้กับมาตรการนี้รวมทั้งสิ้น 18,604.95 ล้านบาท
อันที่จริงปัญหายางพาราราคาตกต่ำ เรื้อรังมานานหลายปี กยท. พยายามแก้ปัญหา จนเปลี่ยนผู้ว่าการ กยท. ไปหลายคน แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป ไม่ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาก็ดูจะไร้ผล ตั้งแต่ขอให้หยุดกรีดยาง ขอให้โค่นยางทิ้งเพื่อไปปลูกพืชอื่น มาตรการเร่งรัดการใช้ยางในประเทศ โดยเฉพาะการใช้ยางเป็นส่วนผสมในการทำถนนก็ติดปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง การกำหนดราคากลาง ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนมาตรการนี้ได้
จนกระทั่งชาวสวนยางอดรนทนไม่ไหว จะจัดม็อบมาร้องเรียนรัฐบาล และตามธรรมเนียมของการสลายม็อบในยุคนี้ คือ หามาตรการช่วยเหลือ และมาตรการที่ง่ายที่สุดคือใช้เงินงบประมาณจำนวนมหาศาลทุ่มลงไป แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ขณะที่มาตรการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ไม่เพียงแต่ ยางพารา ยังมีปาล์มน้ำมัน ที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำ และชาวสวนปาล์มเอาผลผลิตปาล์มน้ำมันมาเททิ้งและเผาเล่นไปหลายร้อยตัน เพราะปีนี้ราคาผลปาล์มตกต่ำสุดในรอบ 20 ปี จากที่เกษตรกรเคยขายได้ราคากิโลกรัมละกว่า 4 บาท มาขณะนี้ราคาตกลงเหลือกิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ในขณะที่ชาวสวนยืนยันว่าราคาต้นทุนอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.70 บาท
ปัญหาปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ สมาคมชาวสวนปาล์มตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่คลาดน้อย การใช้พลังงานประเภทไบโอดีเซลในประเทศก็มิได้ลดลง แต่ทำไมราคาปาล์มน้ำมันจึงตกต่ำ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มล้น เกินความต้องการ
มาถึงมะพร้าว.....นอกเหนือจากชาวสวนต้องเผชิญปัญหาหนอนหัวดำ และศัตรูมะพร้าวตัวอื่นๆ ระบาดทำลายต้นมะพร้าวจนทำให้ผลผลิตลดลง และต้นมะพร้าวตายไปจำนวนไม่น้อย กว่าจะฝ่าฟันผ่านอุปสรรค จนฟื้นฟูสวนมะพร้าวขึ้นมาใหม่ได้ คิดว่าจะสามารถขายผลผลิตมะพร้าว มีรายได้กลับคืนมา กลับกลายเป็นว่ามีการอนุญาตให้นำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมากมาย ส่งผลให้ราคามะพร้าวภายในประเทศตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชาวสวนมะพร้าวเดือดร้อนไปตามๆ กัน เกือบจะมีม็อบมะพร้าวเกิดขึ้นแล้ว ดีแต่ว่า กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ผู้อนุญาตให้นำเข้ามะพร้าว ส่งคนไปชะลอทัพ เจรจาสกัดม็อบ และมีมาตรการงดการนำเข้ามะพร้าว ม็อบจึงสลายไปได้
น่าสังเกตว่า ทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมะพร้าว ล้วนเป็นพืชเศรษฐกิจที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวภาคใต้ ที่ชาวสวนเองต้องออกมาส่งเสียงเรียกร้อง รัฐจึงหันมาช่วยแก้ปัญหา ถ้าเกษตรกรอยู่อย่างเงียบๆ รัฐคงไม่เหลียวแล
มาทายกันไหมว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พรรคไหนจะครองใจคนใต้.......
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี