รมช.เกษตรฯรับฟัง2ทางเลือกแก้ปัญหา"สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น"ขาดสภาพคล่อง จ่อให้รัฐบาลช่วยระดมทุนเพื่อจัดตั้งบัญชีรวมรักษาเสถียรภาพทางการเงินสหกรณ์ ฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ขอให้รัฐออกพันธบัตร1.5หมื่นล้านบาท หรือรัฐจัดสรรเงินอุดหนุนเข้ากองทุนพัฒนาสหกรณ์ปีละ5พันล้านบาท รวม3 ปี1.5หมื่นล้าน
4 ธ.ค.61 นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับฟังข้อเสนอการระดมทุนเพื่อจัดตั้งบัญชีรวมรักษาเสถียรภาพทางการเงินสหกรณ์ เพื่อฟื้นฟูกิจการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดย นายสุรพล พงศ์เมธีอภิชัย ผู้อำนวยการสำนักนายทะเบียนและกฎหมาย พร้อมด้วยกรรมการเจ้าหนี้ ผู้บริหารแผนของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าพบนำเสนอผลการหารือแนวทางการระดมทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ โดยข้อเสนอการระดมทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินสหกรณ์ตามนโยบายและแผนพัฒนาสหกรณ์เข้มแข็ง ปี 2559 - 2560 ในการขับเคลื่อนยกระดับชั้นสหกรณ์ ซึ่งภายใต้มาตรการยกระดับความเข้มแข็ง ที่ 5 มาตรการสนับสนุน เช่น จัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพทางการเงินสหกรณ์ ซึ่งจะขอรับการสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนต้นทุนดอกเบี้ยต่ำที่ขบวนการสหกรณ์มีส่วนรวมเป็นเจ้าของ สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภท ช่วยเหลือสนับสนุนเงินทนุ แก่สหกรณ์ที่อ่อนแอ ประสบปัญหาการเงินให้สามารถฟื้นฟูการดําเนินงานกลับมาเป็นสหกรณ์ที่เข้มแข็ง
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จะให้ฝ่ายกฎหมาย กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้ามาศึกษาข้อเสนอทั้งหมดเพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้และความเหมาะสมก่อน ซึ่งจะได้เชิญทุกฝ่ายมาหารือร่วมกันอีกครั้ง พิจารณา2 แนวทางในการระดมทุนและแหล่งที่มาของเงินบัญชีรวมรักษาเสถียรภาพสหกรณ์ โดยทางเลือกที่ 1 ให้รัฐบาลเป็นผู้ออกพันธบัตร 15,000 ล้านบาท จําหน่ายให้สหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ สมาชิกสหกรณ์ และอาจรวมถึงรัฐวิสาหกิจ องค์กรธุรกิจเอกชนและ บุคคลทั่วไป อายุพันธบัตร 3 ปี 5 ปี 7 ปี โดยดอกเบี้ยพันธบัตรกำหนดตามอายุของพันธบัตร การชําระคืนพันธบัตรและดอกเบี้ยจ่ายเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เงินจากการจําหน่ายพันธบัตรจัดทําเป็นโครงการพิเศษของกองทุนพัฒนาสหกรณ์ (กพส.) หรืออาจจัดตั้งขึ้นใหม่ บริหารจัดการโดยกระทรวงการคลัง
และทางเลือกที่ 2 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณอุดหนุนโครงการพิเศษของ กพส.เป็นรายปีๆ ละ 5,000 ล้านบาท เป็นเวลารวม 3 ปี รวม 15,000 ล้านบาท โดยจะนำ 2 แนวทางนี้ ร่วมหารือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯที่มีความเหมาะสม ก่อนนำเสนอครม.พิจารณาต่อไป
สำหรับการใช้คืนเงิน กพส.นั้นให้ชำระคืนภายใน 7 - 10 ปี โดยมีระยะปลอดเงินต้น 3 ปีแรก ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งต้องชำระทุกเดือน ทั้งนี้สหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ที่กู้ยืมเงินโครงการพิเศษกพส. ต้องบริจาคเงินสมทบในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เพื่อนำเข้าโครงการ "บัญชีร่วมเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินสหกรณ์" ซึ่งบัญชีร่วมฯ นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสหกรณ์ที่อ่อนแอ ประสบปัญหาทางการเงิน ได้นำไปใช้เป็นทุนเพื่อฟื้นฟูและกลับมามีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ จัดให้มีคณะกรรมการบริหารบัญชีร่วมฯ เพื่อกำหนดข้อบังคับและหลักเกณฑ์ รวมถึงบริหารจัดการจัดสรรเงินช่วยเหลือแก่สหกรณ์ที่ประสบปัญหาต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า หลังจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ มากว่า 3 ปี ได้ชำระหนี้ไปแล้ว 2.8 พันล้านบาท จากยอดหนี้เกือบ 2 หมื่นล้านบาท ที่กู้จากสหกรณ์เจ้าหนี้ 74 แห่ง และปี 60 ขาดสภาพคล่องค้างชำระหนี้เจ้าหนี้ กว่า 700 ล้านบาท โดยเดือนนี้จะต้องชำระงวดที่ 6 จะทำให้มียอดหนี้ค้างชำระเพิ่ม 1.2 พันล้านบาท โดยคณะกรรมการบริหารแผนของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และกรรมการเจ้าหนี้ เร่งหารือกับกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเสนอรัฐบาลช่วยระดมทุนโดยเร็ว ให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งขายทรัพย์สินที่ดีเอสไอถอนการอายัดตามกฏหมายฟอกเงิน นำมาขายทอดตลาด เป็นที่ดิน จ.กาญจนบุรี 1 แปลง ราคา 200 ล้านบาท แต่ได้การขายทรัพย์ 5 ครั้ง ยังไม่มีผู้สนใจประมูล และกำลังจะขายทอดตลาดที่ดิน จ.เชียงราย ในสัปดาห์หน้าด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี