6 ธ.ค.61 นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า สกสค.ได้ติดตามคดีต่างๆ ซึ่งเป็นการซ่อมอดีต เช่น คดีที่อดีตผู้บริหาร สกสค.นำเงินไปซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทบิลเรียลฯ จำนวน 2,500 ล้านบาท และล่าสุดได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีการสั่งการให้ปิดบัญชีธนาคารธนชาติ สาขาเยาวราช ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้านี้จะสามารถสรุปผลการสืบสวนได้ว่าเป็นการดำเนินการเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารว่าการปิดบัญชีหรือไม่ หากเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารก็จะแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กำลังเร่งรัดเรื่องการดำเนินการร่วมทุนกับบริษัทหนองคายหน้าอยู่ในโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน
ที่ผู้บริหาร สกสค.นำเงินไปใช้ในกาณนี้ จำนวน 800 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้โครงการมีเค้ารางว่าจะมีปัญหา จึงได้มอบฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบและให้ติดตามหาผู้รับผิดทางละเมิดในโครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ซึ่ง สกสค.นำเงินใช้จ่ายแล้ว 21 ล้านเศษ
และติดตามลูกหนี้ จากโครงการจัดหาอาวุธปืนสวัสดิการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของ สกสค.ที่นำอาวุธปืนจากโครงการจัดหาอาวุธปืนสวัสดิการกรมการปกครอง มาให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่ปี 2548 แต่ปรากฏว่ามีลูกหนี้อีกจำนวน 223 ราย ที่ไม่ยอมชำระเงินรวมเป็นเงิน จำนวน 4 ล้านบาทเศษ ติดตามโครงการคอมพิวเตอร์พกพา ซึ่งมีลูกหนี้ค้างชำระอีก จำนวน 152 ราย เป็นเงิน 3 ล้านบาทเศษ และติดตามลูกหนี้ยืมเงินเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ขณะนี้มีลูกหนี้เหลืออยู่ จำนวน 54 ราย ซึ่งในจำนวน 40 ราย ชำระหนี้ตามปกติ แต่มีจำนวน 14 ราย ที่ไม่ยอมชำระหนี้ ซึ่งมีหนี้เฉลี่ยรายละ 4- 8 แสนบาท ดังนั้น ลูกหนี้ทั้ง 14 ราย ทาง สกสค.จำเป็นต้องส่งฟ้องศาล
นายอรรถพล กล่าวด้วยว่ส ขณะนี้ให้เร่งดำเนินตดีอาญากับอดีตเจ้าหน้าที่ สกสค.บุรีรัมย์ ในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ เนื่องจากนำเงินส่วนกลาง ไปใช้ส่วนตัว ถึงแม้ขณะนี้จะถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว และเร่งรัดให้มีการดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ สกสค.ลพบุรี ข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ รวมถึงดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ จ.ศรีสะเกษ ฐานทุจริจต่อหน้าที่ และให้ดำเนินคดีทั้งแพ่งและคดีอาญา กับอดีตผู้บริหาร สกสค.ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตครู ข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ ให้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่สกสค.กรุงเทพฯ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ในการยักยอกเงิน และเร่งรัดให้ไปติดตามผลการบังคับคดี กับอดีตรองเลขาธิการ สกสค.จำนวน 2 ราย เนื่องจากกู้เงินไปแล้วไม่ยอมใช้คืน
"ขณะนี้ สกสค.กำลังสำรวจลูกหนี้ที่ไม่เคลื่อนไหวในอดีต เช่น ค้างค่าเช่าหอพักสวัสดิการ ของ สกสค. เป็นเดือนและมียอดเงินค้างชำระหลักแสนบาทเนื่องจากในอดีตการให้เช่ามีความหละหลวม และกรณียืมเงิน ต่างๆใน สกสค.แล้วไม่ใช้คืน" นายอรรถพล กล่าว
สำหรับในส่วนองค์การค้า ของ สกสค.ซึ่งมีการชี้มูลมาจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทางสกสค.จึงส่งดำเนินคดีอาญา ไป 2 ราย เนื่องจากไปร่วมกับ อบจ.ในภาคอีสาน จัดซื้อสื่อการเรียนการสอน แล้วมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงถูกชี้มูลมา
สำหรับคดีเหล่านี้ สกสค.ได้เร่งรัดส่งอัยการเพื่อฟ้องศาลดำเนินคดี ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สกสค.ก็ได้ส่งฟ้องดำเนินคดีล้มละลายกับอดีตผู้อำนวยการองค์การค้า ไปแล้วจำนวน 2 ราย ทั้งนี้ ตนจะเร่งตรวจสอบทุกคดีเพื่อป้องกันคดีการหมดอายุความ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี