6 ธ.ค.61 จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ยึดรถของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง แสดงพฤติกรรมเข้ายึดรถของ นายวัชรินทร์ เดชศรี อายุ 34 ปี ชาวบ้าน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ อย่างไม่เหมาะสม โดยกลุ่มชายดังกล่าวนำรถเข้าจอดปิดหัวปิดท้าย ล้อมหน้าล้อมหลัง รถของนายวัชรินทร์ ขณะกำลังพาลูกเมีย และแม่ มาซื้อของที่ห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ และเกิดการโต้เถียงกันขึ้น และเกิดการกระทบกระทั่ง ชุลมุน หนึ่งในนั้นเข้าล๊อกคอผู้เสียหาย แล้วพยายามแย่งกุญแจรถ ซึ่งภรรยาผู้เสียหายถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด ก่อนเข้าแจ้งความดำเนินคดี ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมาผู้ก่อเหตุ 3 ราย เข้ามอบตัว ตำรวจแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 2.ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และ 3.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
ล่าสุด ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองกระบี่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 , พล.ต.ต.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผบก.ภ.จ.กระบี่ , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ แถลงความคืบหน้าของคดีนี้ โดยตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี จับกุมบุคคลตามหมายจับศาล จ.กระบี่ ได้เพิ่มอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายพฤทธ์ ทองศรีชุม อายุ 34 ปี ชาว จ.พัทลุง และนายธนศักดิ์ จารุกิจมนตรี อายุ 44 ปี ชาว จ.ตรัง
โดยเฉพาะนายธนศักดิ์ จากการตรวจสอบพบว่า เคยต้องคำพิพากษาจำคุก 13 เดือน ในคดีฉ้อโกง แต่หลบหนีการควบคุมตัวอยู่ด้วย พร้อมกันนี้ จนท.ยึดรถยนต์เก๋ง โตโยต้า อินโนวา ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียน และรถยนต์เก๋งเชฟโลเล็ต สีส้ม ทะเบียน กร 9763 สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นรถที่ผู้ต้องหาในคดีนี้ใช้ก่อเหตุ และปรากฎอยู่ในคลิปวิดีโอของผู้เสียหาย โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ที่บ้านของผู้ต้องหา เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้ภาคเสธ โดยปฏิเสธไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย แต่ยอมรับว่ามาที่เกิดเหตุเพื่อติดตามยึดรถยนต์คันดังกล่าวจริง ตามคำพิพากษาของศาล จ.กระบี่
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนในฐานะรองผู้บัญชาการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและหนี้นอกระบบ ซึ่งทาง ผบ.ตร.ได้มอบหมายและแต่งตั้งไว้ กรณีการใช้กำลังในการทวงหนี้ ที่ผ่านมา ก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในหลายพื้นที่ จึงจะถึงเวลาที่ต้องเอาจริงกับเรื่องนี้เสียที ทั้งปัญหาจากไฟแนนซ์ หนี้นอกระบบ หรือการทวงหนี้โดยการใช้กำลัง ในรัฐบาลชุดนี้ จะต้องไม่มีเรื่องแบบนี้อีก เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป มีกฎหมาย ใครเป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่การทวงก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย การใช้กำลังในลักษณะเช่นนี้ เป็นการสร้างความสะเทือนใจ สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน โดยเฉพาะการใช้กลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีประวัติต้องโทษคดีอาญามาแล้วบ้างบางส่วน จึงอยากฝากถึงบริษัทไฟแนนซ์ ต่างๆ ที่ใช้บริการของคนเหล่านี้ หากยังไม่เลิก เราจะเล่นงานจนถึงคนว่าจ้าง จะเอาผิดให้ถึงบริษัทไฟแนนซ์ กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียน ให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า อยากฝากถึงบรรดาบริษัทไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง ต่างๆ ว่ารัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญกับการทวงหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะการทางหนี้โดยใช้กำลัง ซึ่งไม่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ การทวงหนี้ในลักษณะการใช้กำลัง ตัดแขน ตัดมือต่างๆ ต้องไม่มีอีก ส่วนผู้ที่เป็นหนี้รถติดไฟแนนซ์ ก็ต้องใช้หนี้กันไป โดยทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย กรณีที่เกิดขึ้นนี้ จะยังไม่จบแค่นี้ ทางตำรวจจะไล่ต่อไปถึงไฟแนนซ์ และคนว่าจ้างให้มาดำเนินการ ถ้ามีพยานหลักฐานเพียงพอ จะดำเนินคดีทั้งหมด จึงอยากเตือนว่าการกระทำลักษณะเช่นนี้ จะต้องไม่มีอีก ต้องหมดไปเสียที อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งไฟแนนซ์ ที่เป็นเจ้าหนี้ก็เข้าใจและเห็นใจ แต่การดำเนินการทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
ส่วนการสแกนกลุ่มบริษัทไฟแนนซ์ และหนี้นอกระบบ ที่มีพฤติกรรมอย่างที่เกิดขึ้น มีเท่าไหร่ในประเทศ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบร่วมกับกระทรวงการคลัง พบว่ามีบริษัทไฟแนนซ์ หรือกลุ่มเงินติดล้อต่างๆ ที่ผิดระเบียบของกระทรวงการคลัง พบว่ายังมีอยู่ ซึ่งทางตำรวจมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว โดยข้อมูลทั้งหมดอยู่กับกระทรวงการคลัง จึงอยากเตือนเหล่าไฟแนนซ์ และบริษัทเงินติดล้อทั้งหลาย ที่ยังปฏิบัติผิดเงื่อนไขของกระทรวงการคลัง เราจะดำเนินการทางกฎหมายทั้งหมด ตามอำนาจหน้าที่ โดยจะเร่งดำเนินการทันทีภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ที่ไม่มีข้อมูล และความรู้ในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นพฤติกรรมฉ้อฉลกลโกงจากกลุ่มนายทุน โดยเฉพาะโฉนดที่ดินของประชาชน อยู่ในมือของกลุ่มนายทุนเงินกู้เหล่านี้เป็นล้านๆ โฉนด โดยจะพบมาในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ซึ่งจะยกระดับการทำงานเพื่อจัดการเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี