17 ธ.ค.61 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ประธานพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการยกระดับสมรรถนะนักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา และกำลังแรงงานในพื้นที่ ให้เป็นเลิศด้านภาษาจีน และการศึกษาทางไกล สู่การพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางสากล ระหว่างศูนย์การศึกษาทางไกลสถาบันขงจื่อ (ประเทศจีน) และศูนย์สอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนในอาเซียน (ประเทศไทย) กับสถาบันอุดมศึกษา 5 แห่ง อาทิ หาวิทยาลัยราชภัฏราชนครเนทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง, มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ประเทศไทยต้องการพัฒนาศักยภาพความสามารถทางการแข่งขันให้เท่าเทียมกับอารยะประเทศ ปัจจุบันการแข่งขันจะต้องสร้างคนที่เก่งและสามารถใช้เทคเทคโนโลยีสมัยใหม่ขับเคลื่อนเพื่อสร้างนวัตกรรมในการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและโลกได้
สำหรับประเทศไทยต้องการยกศักยภาพความสามารถในการแข่งขัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ และสังคมเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เท่าเทียมกับนานาอารยะประเทศ ที่สำคัญนอกจากความเก่งและสมรรถนะทางด้านทักษะแล้ว จะต้องสร้างคนให้ มีความคล่องตัว มีทักษะทางด้านดิจิทรัล ที่สำคัญมีความสามารถทางด้านทักษะภาษา ซึ่งนอกจากภาษาแม่แล้ว จะต้องสามารถใช้ภาษาที่ 2 คือภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ซึ่งมีความสำคัญในการเตรียมคนของเราในอนาคต คนในศตวรรษที่ 21
“โลกเราเล็กลงมา การติดต่อประสานงานกัน ความเชื่อมโยง การเรียนรู้ซึ่งกันและกันจะต้องใชภาษาแน่นนอน ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่ามีการใช้ภาษาอังกฤษอย่างกว่างขวางทั่วโลก ดังนั้น เราจะต้องสร้างบัณฑิตไทยให้สามารถติดต่อใครก็ได้ในโลกนี้ ซึ่งความสามารถด้านภาษาอังกฤษ ก็ยังไม่พอ จะต้องสามารถใช้ภาษาประเทศในอาเซียน และภาษาที่ 4 คือภาษาจีนได้ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีนเป็นผู้นำระดับโลกทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การที่เรารู้ภาษาจีนก็จะทำให้การเชื่อมโยงกับประเทศจีน หรือคนจีนที่อาศันอยู่ทั่วโลก ดังนั้น หากเราสามารถใช้ภาษาจีนได้ จะทำให้เรามีศักยภาพและพลังในการพัฒนาการยกระดับเศรษฐและสังคมได้” รมช.ศธ. กล่าวและว่า
อิทธิพลของภาษาจีน วัฒธรรมจีน มีต่อประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ขณะนี้มหาวิทยาลัยไทย 5 แห่งมีการจัดการเรียนการสอนภาษาจีน และมีการทดสอบภาษาจีน ดังนั้น หากเราสามารถขยายการเรียนการสอนภาษาจีนให้มีความเป็นสากล และให้เป็นเลิศได้ และมีสถาบันทดสอบมาตรฐานภาษาจีนให้เป็นที่ยอมรับจากจีนเอง และเป็นไปตามเกณฑ์ของประเทศไทย ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ดังนั้น การที่ศูนย์การศึกษาทางไกลสถาบันขงจื่อ (ประเทศจีน) และศูนย์สอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนในอาเซียน (ในประเทศไทย) มาร่วมสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั้ง 5 แห่ง และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเตรียมคนให้เป็นพลเมืองโลก จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งในการเรียนรู้ภาษาจีนของไทยให้เป็นสากลขึ้น และอยากให้กระจายไปทั่วประเทศ เพราะภาษาจีนมีความสำคัญและสามารถใช้ติดต่อประสารงาน และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่ประเทศจีนสร้างขึ้นมาอย่างมากมาย
ด้านนายหวาง ฮุ่ยซาง ผู้แทน สำนักงานใหญ่สถาบันขงจื่อ ประเทศจีน สาธารณรัฐประชนจีน กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยให้การสนับสนุนสถาบันขงจื่อมาโดยตลอด และขณะนี้ ประเทศไทยมีสถาบันขงจื่อ จำนวน 16 แห่ง มีห้องเรียนสถาบันขงจื่ออยู่ทั้งหมด 20 แห่ง และมีอาจารย์อาสาสมัครชาวจีนที่สอนภาษาจีนอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด กว่า 1,700 คน สำหรับการศึกษาภาษาจีนในต่างประเทศมีอาจารย์ชาวจีนสอนอยู่ทั้งหมดกว่า 10 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการพัมนาการศึกษาก็คือการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ทางด้านภาษาจีนที่สามารถนำไปใช้งานได้ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการพัฒนาอาจารย์สอนภาษาจีนของชาวไทยให้มีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น สำหรับสถาบันขงจื่อ (ประเทศไทย) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมือในการสนับสนุนเกี่ยวกับเรื่องการจัดสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน รวมไปถึงการสอบรับรองความสามารถวิชาชีพครูภาษาจีนระดับสากลด้วย
“ขณะนี้ สถาบันขงจื่อ ประเทศจีน กำลังพัฒนาครูสอนภาษาจีนชาวไทยที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งสถาบันขงจื่อ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ทำความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการทางการศึกษาภาษาจีนของชาวไทยที่เพิ่มขึ้นเลื่อยๆ เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษาภาษาจีนในประเทศไทย โดยทั้งสองฝ่ายก็จะทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อโครงการความรู้ต่างๆ และการพัฒนาการศึกษาด้านภาษาจีนในประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น” นายหวาง กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี