พายุโซนร้อน‘ปาบึก’หันขึ้นฝั่งถล่มเมืองคอน
ตะลุมพุกเร่งอพยพ
สั่งปิด92รร.-หยุดเดินเรือ
เปิด190ศูนย์รับชาวบ้าน
แห่กักตุนอาหาร-น้ำมัน
อุตุฯจับตาโซนร้อน“ปาบึก”เปลี่ยนทิศขึ้นฝั่งถล่มนครศรีธรรมราช ค่ำ 4 มกราคม ปะทะจุดแรก ชาวบ้านแหลมตะลุมพุกผวาปิดร้านค้าหนี อพยพด่วนผู้หญิง-เด็ก-คนชรา-ผู้ป่วยติดเตียงพ้นพื้นที่ ผู้ว่าฯเมืองคอนสั่งเปิด 190 ศูนย์อพยพรับผู้ประสบภัย8.6 หมื่นคน ปิดโรงเรียน 92 แห่ง ใช้เป็นที่หลบพายุ สุราษฎร์ฯเรือเฟอร์รี่หยุดบริการถึง5ม.ค.แห่ตุนอาหารสด-ของแห้ง นายกฯคอนเฟอร์เรนซ์ผู้ว่าฯจว.ใต้สั่งพร้อมรับมือ
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 13 เรื่อง “พายุ “ปาบึก” (PABUK)” ระบุว่า พายุโซนร้อน “ปาบึก” มีศูนย์กลางห่างประมาณ 500 กิโลเมตรจากด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจ.นครศรีธรรมราช ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ก่อนลงอ่าวไทยวันนี้ และเคลื่อนขึ้นฝั่งจ.นครศรีธรรมราช ช่วงค่ำวันที่ 4 มกราคม ส่งผลกระทบต่อภาคใต้ระหว่างวันนี้จนถึงวันที่ 5 มกราคม ทำให้มีฝนตกวงกว้างง ตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก บริเวณจ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล
ส่วนวันที่ 4-5 มกราคม จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณจ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 ชาวเรือควรงดเดินเรือจนถึงวันที่ 5 มกราคม
ปาบึกเปลี่ยนทิศขึ้นฝั่งนครฯค่ำ4ม.ค.
ด้านนายวัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเลเปิดเผยว่า ตำแหน่งการเคลื่อนตัวของพายุปาบึกเปลี่ยนแปลง จากเดิมคาดเคลื่อนผ่านดอนสัก เกาะสมุย ผ่านจ.สุราษฎ์ธานี รอยต่อจ.ชุมพร แต่ล่าสุดเคลื่อนตัวต่ำลง ทำให้สมุยได้รับผลกระทบน้อยลง ศูนย์กลางจะเคลื่อนเข้าจ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะที่อ.หัวไทรจะมีฝนตกหนักตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 4 มกราคม มีฝนตกหนักตั้งแต่ 37-150 มิลลิเมตร ความเร็วลม 65 กม.ต่อชม.พัดต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง และอาจจะเกิดสตอร์มเซิร์จ สาเหตุที่ทำให้พายุเปลี่ยนทิศทาง เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นลงมา เกิดจากความแปรปรวนของความกดอากาศ
เริ่มถล่มนครฯ-เตือนสตอร์มเซิร์จ
ต่อมาว่าที่ ร้อยตรีธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอตุนิยมวิทยาเผยว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนปาบึกเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่แนวของจ.นครศรีธรรมราช และเคลื่อนขึ้นฝั่งจ.นครศรีธรรมราชค่ำวันที่ 4 มกราคม ระหว่างพายุเคลื่อนตัวไป จะทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากเกือบทุกจังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่จ.ชุมพรลงไป เมื่อพายุเข้าใกล้ฝั่งช่วงวันที่ 4 มกราคม จะมีฝนตกบริเวณกว้าง ฝนตกหนักถึงหนักมาก และจะมีสภาวะสตอร์มเซิร์จ หรือคลื่นพายุซัดฝั่งได้ คาดว่าจ.นครศรีธรรมราชจะถูกปะทะเป็นจุดแรก ส่วนความกังวลว่าพายุจะรุนแรงเมื่อเทียบพายุแฮเรียตที่เคยถล่มแหลมตะลุมพุกเมื่อ 50ปีก่อนนั้น ความเร็วลมของศูนย์กลางพายุปาบึก ประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พายุแฮเรียต 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเทียบกับความเร็วลมจะน้อยกว่า แต่อิทธิพลของพายุที่ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก จะไม่ต่างกันมาก เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากด้วย
แหลมตะลุมพุกร้างร้านค้าปิดหนี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบชายหาดแหลมตะลุมพุก ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พื้นที่เสี่ยงรับผลกระทบจากพายุปาบึก พบว่าร้านอาหารบริเวณชายหาดทั้งหมด ปิดให้บริการหนีพายุ ส่วนเจ้าของอพยพไปอยู่บ้านญาติในตัวอ.ปากพนัง ทำให้บรรยากาศบริเวณหาดแหลมตะลุมพุกเงียบเหงาเา ไม่มีผู้คนให้เห็น รวมถึงสัตว์เลี้ยง หรือสุนัขสักตัวก็ไม่มี
อพยพเด็ก-คนแก่-ผู้ป่วยติดเตียง
ขณะที่คลื่นลมที่แหลมตะลุมพุกเพิ่มกำลังแรงขึ้น น้ำทะเลเป็นสีขุ่นข้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม และมีฝนตกโปรยปรายเป็นระยะ โดยชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงคลื่นลมมีบ้านเรือนอาศัยริมชายหาด ทั้งที่บริเวณ ม.2 ม.3 บ้านแหลม ต.ตะลุมพุก 200 ครัวเรือน ซึ่งร้อยละ 90 ประกอบอาชีพประมงนำเรือขึ่นฝั่งหมดแล้ว พร้อมทั้งอพยพ ผู้สูงอายุ คนป่วยติดเตียง และเด็กบางส่วนออกจากพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ อบต.ตะลุมพุกเตรียมพร้อมจุดอพยพอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ซึ่งห่างจากพื้นที่เสี่ยง ม.2 บ้านแหลม รองรับชาวบ้านมากกว่า 1,000 คน และต้านแรงลมที่มีกำลังแรงถึง 250 กิโลเมตร
เช่นเดียวกับอีกหลายอำเภอของจ.นครศรีธรรมราช อาทิ อ.สิชล หัวไทร ท่าศาลา อ.เมือง ต่างเร่งอพยพชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมทะเลอ่าวไทยนับพันคน ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงผู้อพยพหลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้หญิง คนชรา และผู้ป่วยติดเตียง ขึ้นรถยีเอ็มซีของทหาร โดยมีเพียงคนหนุ่มสาวเฝ้าหมู่บ้านอยู่เท่านั้น
ตั้ง190ศูนย์อพยพรับ8.6หมื่นคน
นอกจากนี้ จ.นครศรีธรรมราชตั้งศูนย์อพยพไว้แล้ว 190 ศูนย์ รองรับคนได้ 86,000 คน โดยเฉพาะอำเภอชายฝั่งทะเล 53 ศูนย์รองรับผู้อพยพได้ 34,400 คน แบ่งเป็นในอ.ขนอม 16 ศูนย์ 10,000 คน อ.สิชล 8 ศูนย์ 6,000 คน อ.ท่าศาลา 15 ศูนย์ 6,200 คน อ.ปากพนัง 5 ศูนย์ 2,000 คน อ.หัวไทร 7 ศูนย์ 5,200 คน และอ.เมือง 2 ศูนย์ 5,000 คน และสั่งห้ามเรือทุกชนิดห้ามออกจากฝั่งเด็ดขาด
เฟอร์รี่สุราษฎร์ฯหยุดถึง5ม.ค.
ที่จ.สุราษฎร์ธานี สภาพอากาศในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีมีเมฆครึ้ม ลมสงบผิดปกติ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสภาพอากาศก่อนพายุจะพัดเข้า โดยที่ท่าเรือขนส่งสินค้า เอ็นพี มารีน ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี บริษัท ซีทรานเฟอร์รี่ จำกัด ผู้ประกอบการเรือเฟอร์รี่โดยสารข้ามฟากดอนสัก-เกาะสมุยประกาศหยุดเดินเรือ พร้อมนำเรือเฟอร์รี่ 3 ลำจากอ.ดอนสัก เข้ามาจอดหลบคลื่นลมพายุแล้ว และนำเรือขุดร่องน้ำเข้าไปหลบจอดในคลองดอนสัก เช่นเดียวกับ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ ประกาศงดบริการเดินเรือดอนสัก-เกาะสมุยไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม
ปักธงแดงบนหาดทั่วเกาะพงัน
นายเกริกไกร สงธานี นายอำเภอเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีเปิดเผยว่า ได้แจ้งเตือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศบาลทุกแห่ง รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมให้เฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งเตรียมพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัย พร้อมประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ชายฝั่งพร้อมอพยพไปพื้นที่ปลอดภัยโดยกำหนดให้โรงเรียนเกาะพะงันศึกษา เป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯนอกจากนี้ ยังปักธงแดงที่ชายหาดทั้งหมดของเกาะ ไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ และหยุดเดินเรือทุกประเภทถึงวันที่ 5 มกราคมตามประกาศของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตุนอาหารสด-แห้ง-น้ำมันหมดปั้ม
ขณะเดียวกัน ที่ตลาดสดลิปะน้อย ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุยประชาชนออกหาซื้ออาหารสด และของแห้งไปเก็บไว้ โดยน.ส.ฐานิตา สมวงศ์ แม่ค้าขายผักตลาดสดลิปะน้อยเผยว่า ชาวบ้านตื่นตัวกับข่าวพายุพากัน ออกมาหาซื้ออาหารไปเก็บไว้จำนวนมาก จนของหมดร้าน เช่นเดียวกับ นางกัญญา เรืองสุข แม่ค้าขายหมูระบุว่า ลูกค้ามาซื้อเนื้อหมูปริมาณมากกว่าทุกวัน ปกติขายได้วันละ 2 ตัว ตอนนี้ขายได้ 3 ตัว ขณะที่ในห้างสรรพสินค้าแมคโคร สาขาเกาะสมุย ประชาชนและผู้ประกอบการพากันไปซื้ออาหารสดและแห้งไปตุนไว้จำนวนมาก ส่วนปั๊มน้ำมันบนเกาะสมุยมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ไปเติมน้ำมันไว้จนเต็มถัง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลบางปั๊มเกลี้ยงถัง เนื่องจากโรงแรมซื้อน้ำมันดีเซลไว้ใช้กับเครื่องปั่นไฟกรณีไฟฟ้าดับ
ปิด92รร.4มค.-เปิดเป็นศูนย์อพยพ
ในส่วนของโรงเรียนหลายจังหวัดภาคใต้ ประกาศหยุดการเรียนการสอนเช่นกัน โดยนายสมบูรณ์ เรืองแก้ว ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 กล่าวว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนในจ.นครศรีธรรมราชทั้ง 71 แห่งและจ.พัทลุง ทั้ง 21 แห่งสั่งปิดเรียนวันที่ 4 มกราคม ซึ่งสถานศึกษาบางแห่งเราเปิดให้เป็นศูนย์อพยพรองรับประชาชน ในส่วนจ.นครศรีธรรมราช จะใช้โรงเรียนในเขตพื้นที่เป้าหมายในอ.ขนอม สิชล ท่าศาลา เมือง ปากพนัง และอ.หัวไทร ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
ขณะที่นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชส่งรถประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเตรียมพร้อมอพยพมาอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ส่วนมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชกำหนดให้เป็นกองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
สงขลาถกด่วนวางแผนฉุกเฉิน
ที่จ.สงขลา นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวของโดยเฉพาะนายอำเภอทั้ง 4 อำเภอที่อยู่ชายฝั่งตั้งแต่ อ.ระโนด สทิงพระ และสิงหนคร ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบหนักสุด เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากภาวะฝนตกหนักและคลื่นลมแรงจากผลกระทบของพายุปาบึก สำหรับภาพรวมของ จ.สงขลายังเผชิญสภาพอากาศปิดคลื่นลมแรงและมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทย.สั่ง7สนามบินพร้อมแผนฉุกเฉิน
นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.)สั่งการให้ท่าอากาศยานในสังกัด 7แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ ตรัง และนราธิวาส เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 มกราคม ขณะที่สายการบินต่างๆ ที่ให้บริการในเส้นทางมายังสนามบินในภาคใต้ของ ทย. ยังให้บริการตามปกติ แต่ให้เจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ หากพบว่ามีผลกระทบต่อเที่ยวบินให้หารือกับสายการบินนั้นๆ เพื่อปรับเที่ยวบิน หรือยกเลิกตามความเหมาะสม
บิ๊กป้อมสั่งเหล่าทัพเตรียมพร้อม
ในส่วนรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งเตรียมพร้อมรับมือพายุโซนร้อนปาบึกที่เคลื่อนเข้าอ่าวไทยวันที่ 4 มกราคมนี้ โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเผยว่า ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือไว้หมดแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าความเร็วลมอยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งยังรับมือได้ แต่อะไรที่ไม่คาดคิด เราก็ไม่รู้ เพราะลมแรง ตนสั่งการผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะกองทัพเรือที่ได้สั่งการให้ดูเรือประมงที่จะออกไปชายฝั่ง
ทร.-ทอ.จัดเรือรบ-ซี130รับมือ
สำหรับกองทัพเรือจัดตั้งหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล โดยมอบให้ เรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงมกุฎราชกุมาร พร้อมอากาศยาน 2 ลำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ 28 นาย และชุดแพทย์สนาม โดยมี พลเรือตรี ชวิน เวียงวิเศษ เป็น ผู้บังคับหมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเล (ผบ.มรภ.ทร.) เพื่อเตรียมความพร้อมของเรือ กำลังพล ยุทโธปกรณ์ และทีมแพทย์ออกช่วยเหลือประชาชนกรณีหากเกิดภัยพิบัติ เกิดผลกระทบจากวาตภัย และอุทกภัย ในพื้นที่ภาคใต้
เช่นเดียวกับ กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ถาวรวัฒน์ จันทนาคม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผช.ผบ.ทอ.)ในฐานะรองผู้บัญชาการศ บภ.ทอ.ประชุมหน่วยเกี่ยวข้องทั้ง 5 กองบิน ติดตามและเตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน โดยจัดอากาศยาน ยานพาหนะ และพัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ เฮลิคอปเตอร์ค้นหาและช่วยชีวิตแบบ EC-725 จำนวน 2 เครื่อง และ เฮลิคอปเตอร์แบบที่ 6 ง (เบลล์-412) จำนวน 1 เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต พร้อมปฏิบัติภายใน 30 นาที เครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง สำหรับลำเลียงความช่วยเหลือจากส่วนกลาง พร้อมปฏิบัติภายใน 2 ชั่วโมง มีพัสดุอุปกรณ์ช่วยชีวิต
เฝ้า95จุดเสี่ยงท่วม-ดินถล่มนครฯ
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวย้ำว่า กรมฯพร้อมรับสถานการณ์เต็มที่ เพราะวางแผนล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าทิศทางเคลื่อนตัวของพายุจะขยับไปขึ้นฝั่งที่จังหวัดใดก็ตาม สำหรับจ.นครศรีธรรมราชมีพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและดินโคลนถล่ม 95 แห่ง เป็นพื้นที่เฝ้าระวังในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน 6 จุดในอ.เชียรใหญ่ ชะอวด ลุ่มน้ำปากพนังตอนล่าง ร่อนพิบูลย์ หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ และอำเภอเมือง อีก 51 แห่ง กรมทรัพยากรน้ำรับผิดชอบ ใน 188 หมู่บ้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)รับผิดชอบ 29 แห่ง สำหรับเครื่องจักรอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเครื่องสูบน้ำผลักดันน้ำ กรมเตรียมติดตั้งไว้แล้วจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ พร่องน้ำในลำน้ำ เขื่อนรองรับฝนที่ตกหนักไว้หมดแล้ว
พร้อมกับวางแผนป้องกันอุทกภัยในพื้นที่เขตเมืองนครศรีธรรมราช และเขตเศรษฐกิจสำคัญ โดยดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช-อันเนื่องมาจากพระราชดำริไว้เสร็จแล้ว
ระดมเครื่องสูบ-ดันน้ำเฉียดพันชุด
ขณะที่นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์สั่งการหัวหน้าหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯใน 16 จังหวัดภาคใต้ประสานกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย( กอ.ปภ.) จังหวัดและหน่วยทหาร พร้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการระบายและผลักดันน้ำ กรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้แล้ว 453 ชุด เครื่องดันน้ำอีก 300 ชุดพร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรอีกจำนวนหนึ่งเตรียมอยู่ที่ศูนย์ชลประทานจังหวัดสุราษฎร์เพื่อสะดวกกับการขนย้ายเข้าพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ด้วยระบบเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถรู้ข้อมูลล่วงหน้า คาดว่าจะไม่เสียหายมากกว่าเมื่อ 50 ปีก่อน ที่ประเมินกันว่าครั้งนี้จะแรงเหมือนพายุโซนร้อนแฮเรียต ที่ถล่มแหลมตะลุมพุก
‘บิ๊กตู่’คอนเฟอร์เรนซ์ผู้ว่าฯสั่งรับมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น.พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เป็นการด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตัวแทนทหาร ตำรวจ และหน่วยงานเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง หลังช่วงเช้าวันเดียวกัน นายกฯได้หารือกับรมว.มหาดไทย และสั่งให้วางแผนติดตามข้อมูลข่าวสารแต่ละจังหวัดที่ต่างกัน เรื่องการเตรียมการ เพราะสถานการณ์แต่ละพื้นที่ต่างกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี