จนท.ตามจับได้แล้ว1
มือยิงถล่ม4อส.
พบแกนนำเคลื่อนไหว
สั่งเพิ่มมาตรการสูงสุด
คุมเข้ม4อำเภอสงขลา
เจ้าหน้าที่ตามจับผู้ต้องหายิงถล่ม อส.ดับ 4 นาย ได้ 1 ราย ส่วนคดีครูฆ่าชิงรถทำคาร์บอมบ์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยสารภาพเป็นแกนนำปลุกระดม ผลตรวจพิสูจน์ขนำที่บ้านควนหรันพบเป็นชิ้นส่วนคาร์บอมบ์จริง จนท.ใน 4อำเภอ จ.สงขลา เพิ่มมาตรการสูงสุด หลังการข่าวพบ”มะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ”แกนนำระดับปฏิบัติการ เคลื่อนไหวในพื้นที่
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศที่โรงเรียนบ้านบูโกะ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังคนร้ายบุกยิง อส.4 นายเสียชีวิต ขณะดูแลความปลอดภัยภายในโรงเรียนเมื่อวันที่10 มกราคม โดยนายหมาด ตะเหลบ ผู้อำนวยการโรงเรียน เดินทางมาเปิดประตูโรงเรียนด้วยตนเองพร้อมกล่าวว่าถึงแม้ว่าโรงเรียนจะเปิดทำการปกติ แต่วันนี้ยังงดการเรียนการสอน มีเพียงครูที่เดินทางมาทำงาน และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่และครูได้ร่วมกันทำความสะอาดพื้นที่
ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีกเพราะโรงเรียนควรเป็นสถานที่ปลอดภัย ไม่ใช่ที่ก่อเหตุรุนแรง ล่าสุด ได้ประสานฝ่ายความมั่นคง เข้ามาดูแลความปลอดภัยโรงเรียนเพิ่มแล้ว ส่วนด้านคดีความนั้น เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว1คน แต่ยังให้การภาคเสธและกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายยังกบดานในพื้นที่รอยต่อ3อำเภอคือ อ.เมือง อ.ยะรังและ อ.ยะหริ่ง
งมอาก้าทิ้งในคลอง-รู้ตัวเพิ่มอีก1
เวลา 12.30 น.พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี นำกำลังชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่หมู่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานี เพื่อกระจายกำลังปิดล้อมติดตามคนร้ายที่ยังหลบหนี โดยมีคนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะ เนื่องจากข้อมูลผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวระบุว่า 1 ในคนร้ายที่หลบหนีคือ นายอับดุลเลาะ เจะหลง และยังได้เบาะแสอีกว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส.น่าจะถูกซุกซ่อนไว้บริเวณดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เข้ามาปฏิบัติในพื้นที่กระจายกำลังค้นอย่างละเอียด โดยเฉพาะคลองที่คนร้ายกระโดดน้ำหลบหนีการจับกุมขณะไล่ติดตาม เจ้าหน้าที่จึงได้ลงงมดู ปรากฏว่าพบอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก อยู่ในสภาพใช้การได้จึงได้นำขึ้นมาตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับกลุ่มใดบ้าง
ตามยึดของกลางได้อีกหลายรายการ
พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์เผยว่าอาวุธปืนที่พบน่าจะเป็นของคนร้ายที่หลบหนีจากการปะทะเมื่อวันที่ 10 มกราคม นอกจากนี้ ยังได้ยึดของกลางเพิ่มเติมหลายรายการที่คนร้ายได้ทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ที่ได้มีการปิดล้อมตรวจค้น ประกอบด้วย เสื้อสีน้ำเงิน เสื้อคลุมแขนยาวสีดำแบบมีที่ครอบศีรษะ กระติกน้ำร้อนพลาสติกสีส้ม เป้สนาม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ผ้าพันคอระบุหน่วยงานทหารพราน แม็กกาซีนบรรจุกระสุน 5.56 จำนวน 2 อัน ภายในมีกระสุนปืนเต็มแม็ก และกระสุนจำนวน 20 นัด
ขณะเดียวกันการติดตามไล่ล่าคนร้าย 5-6 คนที่หลบหนีเข้ามาในหมู่บ้าน ต.คลองมานิง และขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน 3 คัน หลบหนีนั้น ขณะนี้สามารถยึดคืนมาได้แล้ว โดยขณะนี้ได้เชิญเจ้าของรถทั้ง 3 คัน มาสอบปากคำเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้นั้นพบว่าคนร้ายใส่เสื้อสีดำ จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุยิง อส.ทั้ง 4 นาย
จับมือยิงถล่ม4อส.ได้แล้ว1ราย
เวลา 15.15น.มีรายงานว่า ชุดสืบเมืองปัตตานี ได้ปะทะกับกลุ่มคนร้าย บริเวณหลังมัสยิดกรือเซะ บ้านกรือเซะ หมู่3ต.ตันหยงลุโละ อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัยและได้ควบคุมตัว 1 คนทราบชื่อนายมะกรี อิสอปุเต๊ะ อายุ 45 ปี ที่อยู่ 50/1หมู่5ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ตรวจสอบประวัติพบเป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแนวร่วม พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่นเวฟสีน้ำเงิน ทะเบียน กมร 384 ปัตตานี พบกระสุนปืน ถุงมือและชุดทหารพรานจำนวนหนึ่งที่ใช้ปลอมตัวเพื่อก่อเหตุซุกซ่อนอยู่ ส่วนคนร้ายอีก1คนหลบหนีไปได้
สารภาพเป็นแกนนำปลุกระดม
ส่วนความคืบหน้าคดีคนร้ายฆ่าแขวนคอ นายอมตะ สโมทานทวี หรือ ครูจ้อง อายุ 62 ปี อดีตครูที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา แล้วชิงรถกระบะไปประกอบคาร์บอมบ์นำไปวางหน้าหน่วยเฉพาะกิจ อ.เทพา ทำให้ ตชด.43 ที่อยู่ในฐานบาดเจ็บ 6 นาย ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อยไปสอบสวนแล้ว ทั้งหมด 8 คน รวมทั้งตรวจพบแหล่งต้องสงสัยที่อาจจะใช้เป็นสถานที่ประกอบคาร์บอมบ์
มีรายงานว่าผลการสอบสวนผู้ต้องสงสัย โดยเฉพาะ 5 คนหลัง ที่ถูกควบคุมตัวได้ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งหนึ่งในนั้น ได้ยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นแกนนำที่ทำหน้าที่ปลุกระดมแนวร่วมในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าแขวนคออดีตครูแล้วชิงรถไปทำคาร์บอมบ์ ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคน เป็นคนสนิทของ ครูจ้อง ที่ถูกฆ่า โดยเป็นคนช่วยเลี้ยงไก่ชน ที่บ้านพักครูจ้อง แต่ให้ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็น และถึงกับร้องไห้ในระหว่างถูกซักถาม
ยืนยันสถานที่ประกอบระเบิด
ส่วนความคืบหน้า ผลตรวจพิสูจน์ชิ้นส่วนต้องสงสัย ที่คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนประกอบระเบิดที่ยึดได้ภายในขนำหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 2บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย นั้น แน่ชัดแล้วว่าเป็นที่ชิ้นที่ใช้สำหรับประกอบระเบิดจริงที่โทรศัพท์มือถือแผงวงจรอิเล็คทรอนิค สายไฟ เหล็กเส้น ถังอัดลม ท่อพีวีซี แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าระเบิดคาร์บอมบ์ที่นำไปวางที่หน้าหน่วยเฉพาะกิจสงขลานั้น ประกอบจากที่นี่หรือไม่แต่จุดนี้จะเป็นลักษณะคล้ายกับร้านสะดวกซื้อที่สามารถสั่งชิ้นส่วนประกอบระเบิดได้ครบชุด
ส่วนผู้ต้องสงสัย อีก 2 คน ที่หลบหนีไปได้พบว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวงจรประกอบระเบิดซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามไล่ล่า เพราะเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการที่จะขยายผลไปถึงขบวนการก่อความไม่สงบ ทั้งเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เทพา และเหตุการณ์อื่นๆ ได้
พบแกนนำเคลื่อนไหวสงขลา
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จ.สงขลา ทางการข่าวได้รับรายงานความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาในพื้นที่อำเภอชายแดนของจ.สงขลาที่เชื่อมต่อกับ3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งล่าสุดพบความเคลื่อนไหวของนายมายาโก๊ะ ลาเต๊ะ แกนนำระดับปฏิบัติการเข้ามาในพื้นที่ชายแดนสงขลา ซึ่งอาจจะมีการวางแผนเตรียมก่อเหตุร้ายขึ้นในระยะนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจ.สงขลา ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ทั้งในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน จ.สงขลาทั้ง อ.จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อยรวมทั้งเมืองเศรษฐกิจทั้ง อ.หาดใหญ่ สะเดาและ อ.เมืองสงขลา ทั้งจัดชุดลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยง ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันกลุ่มคนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์และตอบโต้เจ้าหน้าที่รวมทั้งลอบทำร้ายประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี