เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยภาระหน้าที่ผมได้ออกเดินทางไปแถวๆกรุงเก่า เมืองมรดกโลกที่มีความย้อนแย้งสูงมาก เมื่อมีโอกาสผมมักจะเอ่ยปากเสมอว่า การเปลี่ยนอยุธยาให้เป็นเขตอุตสาหกรรม เป็นวิธีคิดที่ขาดไปในหลายๆมิติ และมันก็สะท้อนกลับมาอย่างรุนแรง คนกรุงเก่าจริงๆ เริ่มจะอยู่ที่กรุงเก่าไม่ได้แล้ว สังคมเปลี่ยน วิถีชีวิตเปลี่ยน ผู้คนหลากหน้าหลายตาเข้ามาในกรุงเก่า และจากไปพร้อมผลประโยชน์ เหลือเพียงซากความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนแปลกหน้าเท่านั้น ตัวเลข GDP กับดัชนี้วัดความสุข ไม่ได้แปรผันตามกัน
เส้นทางถนนพหลโยธิน ตั้งแต่รังสิต ยาวไปนวนคร เลี้ยวซ้ายเข้าเขตอยุธยา พื้นที่นาหายไปเกือบหมดแล้ว กลายเป็นย่านโรงงานอย่างเต็มรูปแบบ ผู้คนหลายเชื้อชาติเข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว การออกเดินทางช่วงเช้าจะพบเห็นขบวนรถบัสโดยสารขนาดใหญ่รับ-ส่งพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ รถติดไม่แพ้เมืองกรุงเช่นกัน ในขณะที่เส้นทางเข้ากรุงเทพฯ ช่วงเวลาเช้ามืด จะเป็นขบวนรถขนส่งพืชผลทางการเกษตร เพื่อนำเข้ามาจำหน่ายยังตลาดไทและตลาดสี่มุมเมือง ในขณะที่เมื่อครั้นอดีตจะต้องไปส่งถึงปากคลองตลาด หรือตลาดมหานาค วิธีขนส่งพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้ ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าที่ควร ยังคงขนส่งตะกร้า ใส่ถุงพลาสติก หรือวางเรียงกองมา ขึ้นกับชนิดของพืชผลการเกษตรเหล่านั้น ก่อนที่จะจำหน่ายออกไปยังตลาดอื่นๆ ต่อไปความฝันของผมที่จะเห็นการตัดแต่งพืชผลทางการเกษตรอย่างถูกสุขอนามัย มีระบบการขนส่งที่รักษาคุณภาพของสินค้าเหล่านั้น พร้อมจำหน่ายให้กับผู้บริโภค คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะครอบคลุมทุกตลาด แต่ผมยังรู้สึกดีเสมอเมื่อได้ซื้อพืชผักผลไม้ที่ผ่านกระบวนการหลังการเก็บเกี่ยวที่มีคุณภาพ อารมณ์และรสชาติของพืชผักผลไม้ที่สัมผัสมันต่างกันจริงๆ เห็นความตั้งใจและความใส่ใจอยู่ในนั้น ไม่ใช่การบริโภคเพื่อให้ได้ชื่อว่าบริโภคแล้วเท่านั้นเราไม่มีทางเลือก หรือเราเลือกไม่ได้ การจะได้เลือกคงต้องเพิ่มต้นทุนอีกใช่หรือไม่
ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพืชผลทางการเกษตรที่ขนๆ กันเข้ามาในตลาดค้าส่งหลักๆ นั้นเมื่อมาถึงก็ต้องมีการตัดแต่ง คัดแยก บรรจุใหม่ เรียกได้ว่าขนมาทิ้งกันก็ว่าได้ ทำไมถึงไม่จัดการกระบวนการเหล่านี้ตั้งแต่ในแหล่งผลิต พื้นที่บรรทุกก็จะเพิ่มขึ้น ไม่ต้องขนมาทิ้งกันอีก รวมทั้งยังคงคุณภาพความสดใหม่ของพืชผลเหล่านั้นจนถึงมือผู้บริโภค เศษซากที่เหลือก็ยังสามารถนำกลับไปเป็นปุ๋ยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ผลิตได้อีก ไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรเสียของเสียที่คัดแยกตัดแต่งในตลาดค้าส่งเหล่านี้ ก็ถูกผลักให้เป็นภาระของผู้บริโภคอยู่แล้ว เกษตรกรในฐานะผู้ผลิตใช่ว่าจะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ผมชื่นชมกับระบบการผลิตทางการเกษตรที่เกษตรกรขายตรงให้กับผู้บริโภคมาก มีกลุ่มผู้บริโภคหลายกลุ่มที่ต้องการผลผลิตทางการเกษตรที่พวกเขาเชื่อมั่นต่อคุณภาพของผลผลิต บริโภคได้อย่างสนิทใจ สิ่งที่ขาดคือตัวเชื่อมระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตกับผู้บริโภคทำอย่างไรถึงจะมาจับมือกันได้ เริ่มจากวงเล็กๆของใครของมัน ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ ยิ่งระบบการค้าขาย online พัฒนาขึ้นเท่าใด การเชื่อมโยงกันน่าจะง่ายเข้า มีกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เรียกกันว่า Young Smart Farmer พยายามเชื่อมระบบเหล่านี้เข้าหากันซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านพระราชทานแนวทางการพัฒนาดังกล่าวมานานมาแล้วรูปแบบดังกล่าว คือ โครงการหลวง นั่นเอง
ณ จุดนั้น จะกลายเป็นจุดจบของพ่อค้าคนกลาง คุณภาพและมาตรฐานการผลิตจะเกิดขึ้นด้วยระบบความไว้วางใจกันระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ตลาดเสมือนจะเป็นของจริง ถึงเวลาเมื่อความเปลี่ยนแปลงไล่ล่า
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี