เมื่อช่วงที่กระผมเข้าทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปของแอปเตอร์ใหม่ๆ กลางปี 2559 ได้มีโอกาสรับเชิญจากประเทศฟิลิปปินส์ให้ไปร่วมงานส่งมอบข้าว ซึ่งได้รับบริจาคมาจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน 240 ตัน ที่เกาะซามาร์ ทางตอนกลางของประเทศ การเดินทางจากกรุงมะนิลา ไปยังเกาะดังกล่าว ต้องใช้เครื่องบิน ซึ่งใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จุดที่ตั้งสถานที่ทำพิธีส่งมอบ อยู่ที่เมืองคาตามาน เป็นเมืองหลวงของจังหวัดซามาร์เหนือ พูดถึงการแบ่งแยกเขตปกครองของประเทศฟิลิปปินส์ กระผมรู้สึกว่าจะมีความเป็นระบบมาก เพราะมีการแบ่งเขตออกเป็นภูมิภาค หรือ Region แต่ละภูมิภาคจะมีขนาดเท่าๆ กัน มีจำนวนจังหวัดเกือบเท่าๆ กัน และทุกกระทรวง ทบวง กรมก็ยึดถือระบบการแบ่งภูมิภาคเหมือนกัน
ประเด็นนี้ มีความแตกต่างจากประเทศไทยเรามากทีเดียว เพราะการแบ่งภูมิภาค หรือภาคบ้านเรา แต่ละกระทรวง หรือ กรม แบ่งไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น กรมส่งเสริมการเกษตร มีการแบ่งภูมิภาคที่เรียกว่า เขต ออกเป็น 6 เขต กล่าวง่ายๆ คือ เหนือ อีสาน กลาง ออก ตก ใต้ ขณะที่ของกรมอุตุนิยมวิทยา จะแบ่งไปอีกอย่างหนึ่งคือ มี 7 ภูมิภาค ได้แก่ เหนือ อีสาน กลาง ออก ใต้ฝั่งตะวันออก ใต้ฝั่งตะวันตก และกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนของกระทรวงมหาดไทย ก็มีการแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค คือ เหนือ อีสาน กลาง และใต้ อย่างนี้เป็นต้น
ในประเทศฟิลิปปินส์ แต่ละภูมิภาคก็จะแยกเป็นจังหวัดต่างๆ ชื่อจังหวัดถ้าเป็นบ้านเราก็จะมีชื่อต่างกันไปอย่างชัดเจน แต่ของเขาส่วนหนึ่งใช้วิธีง่ายๆ ชื่อเดียวแต่ต่อท้ายหรือขึ้นต้นด้วยทิศ เช่น ในภูมิภาคซามาร์ที่ไปกันนี้แบ่งออกเป็น 3 จังหวัด ประกอบด้วย ซามาร์เหนือ ซามาร์ตะวันออก และซามาร์ตะวันตก ถึงตรงนี้กระผมก็นึกถึงประเทศไทยตอนที่มีคนพูดว่า โคราช หรือจังหวัดนครราชสีมา มีอาณาบริเวณใหญ่มาก น่าจะแยกเป็นจังหวัดย่อยได้ ชาวโคราชบางส่วนคัดค้านไม่ให้แยก เหตุผลเพราะทุกคนที่อาศัยในโคราชต่างก็เป็นลูกหลานย่าโมกันทั้งนั้น หากแยกออกไป จะไม่ได้เป็นลูกหลานย่าโมอีก ปรากฏว่าหาวิธีแก้กันไม่ได้ จังหวัดนครราชสีมาก็แยกไม่ได้สักที ขณะที่จังหวัดอื่นๆ ที่ใหญ่ๆ แยกกันไปหมดแล้ว เช่น อุบลราชธานี แยกออกเป็นจังหวัดยโสธร กับจังหวัดอำนาจเจริญ ความจริงถ้าเอาแนวทางเหมือนฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ในประเทศอเมริกาก็ใช้กัน คือ แยกโคราชเป็นจังหวัดนครราชสีมาเหนือ กับจังหวัดนครราชสีมาใต้ หรือจะเพิ่ม ออก ตก อีกก็น่าจะพอรับได้ ดีไหมครับวิธีนี้ เพราะคนโคราชทุกคนยังสามารถเป็นลูกหลานย่าโมกันต่อไปได้เหมือนเดิม
การจัดงานส่งมอบข้าว กระทำขึ้นเป็นพิธีการหลังจากที่คณะมนตรีแอปเตอร์อนุมัติคำร้องขอของประเทศฟิลิปปินส์ในการระบายข้าวที่เก็บสำรองไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เท่ากับว่าเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ข้าวที่เดิมเป็นเจ้าของร่วมกันทั้ง 13 ประเทศ ให้ไปเป็นของประเทศผู้รับบริจาคข้าว ในที่นี้ หมายถึงประเทศฟิลิปปินส์ โดยในพิธีครั้งนี้ก็จะมีผู้แทนจากประเทศผู้บริจาค คือ ญี่ปุ่น ผู้แทนประเทศผู้รับ คือ ฟิลิปปินส์ และที่ขาดไม่ได้คือสำนักเลขานุการแอปเตอร์ ในฐานะผู้ประสานงานกลาง สำหรับประเทศญี่ปุ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้คือ Crop Production Bureau ซึ่งเป็นกรมกรมหนึ่งภายใต้กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง ส่วนประเทศผู้รับ คือ ฟิลิปปินส์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ National Food Authority (NFA) อันโด่งดัง ปรากฏว่าผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานเหล่านี้ ต่างก็มาเข้าร่วมงานอย่างครบครัน รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของท้องถิ่น ทำให้พวกเราที่ทำงานในสำนักเลขานุการแอปเตอร์ต่างรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผมเพิ่งเข้ามาอยู่ในแวดวงระหว่างชาติแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แม้ว่าจะพอมีประสบการณ์มามากพอสมควรเกี่ยวกับการต่างประเทศ แต่ก็ถือเป็นความรู้สึกใหม่ ด้วยเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยพิธีการ หรือ Protocol อยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่เต็มรูปแบบเหมือนทำงานในกระทรวงต่างประเทศ และที่รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากคือ ผู้บริหารระดับสูงของประเทศเหล่านี้ต่างให้เกียรติพวกเราเป็นอย่างมาก ต้อนรับขับสู้ที่แสนประทับใจ ซึ่งในตอนต่อๆ ไป คงมีรายละเอียดมาเล่าเพิ่มเติมครับ สวัสดีครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี