18 ก.พ.62 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งการด่วนให้ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงฯ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการจำกัดการใช้สารเคมี กำจัดวัชพืช ศัตรูพืช 3 ชนิด ระดับกระทรวงและจังหวัด ซึ่งมี น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นเลขานุการ เร่งนำรายละเอียดแผนปฏิบัติการมานำเสนอตนภายในวันนี้ ทั้งนี้ สั่งทำเร่งด่วนเข้าสำรวจปริมาณ 3 สารเคมี เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ.ทั้งจากผู้นำเข้าและร้านจำหน่ายว่ามีอยู่เท่าไร เพราะยังมีองค์กรต่างๆ กล่าวหาว่าได้มีการนำเข้าล่วงหน้าเกินกำหนดเพื่อมากักตุนไว้
"จากนี้กรมวิชาการเกษตรจะอนุญาตครั้งต่อไปต้องระบุชัดเจนว่า บริษัทใดเคยนำเข้าแล้วเท่าไร จะลดเหลือเท่าไร เป็นตามแผนลดการนำเข้าหรือไม่ ส่วนในพื้นที่ต้นน้ำ ห้ามขายสารเคมี 3 ชนิด ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะไม่ให้มีการครอบครองหรือใช้อย่างเด็ดขาด สำหรับพื้นที่อื่น กรมวิชาการเกษตรต้องเร่งกำหนดวิธีการฝึกอบรมทั้งผู้จำหน่าย เกษตรกร ลูกจ้างรับฉีดพ่นสารเคมี มีหลักสูตรที่แพร่หลายทั้งหมด ให้สาธารณะทราบถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย" นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีทั้งเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และมีเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลครอบคลุมทั่วประเทศเข้ามาช่วย รวมถึงใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร (ศพก.) ซึ่งมี 882 แห่ง ในทุกอำเภอ และ ศพก.เครือข่ายอีก กว่า 1 หมื่นแห่ง เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ ในท้องถิ่นจะประสานกับกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มาสนับสนุนให้เกิดผลสัมฤทธิ์
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับทุกภาคส่วนวิจัยศึกษาหาวิธีการทดแทนหรือสารทางเลือกอื่นให้กับเกษตรกร แทนการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยเดินหน้าทำทันที พร้อมทำแผนขยายพื้นที่ทำเกษตรปลอดภัยมาตรฐาน GAP และ เกษตรอินทรีย์ 149 ล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อลด ละ เลิกใช้3 สารเคมีภายใน 2 ปี จะรายงานความก้าวหน้าต่อประชาชนทุก 3 เดือน
ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่าพบสารพาราควอตตกค้างในผักผลไม้นั้น ไม่น่าจะจริงเนื่องจากหากฉีดพ่นที่ใบพืชโดยตรง ใบจะไหม้ เกษตรกรจึงใช้ฉีดพ่นตอนเตรียมดินก่อนปลูกหรือฉีดพ่นรอบโคนต้นสำหรับพืชไร่ ทั้งนี้ พาราควอตเป็นยาฆ่าหญ้าที่มีประสิทธิภาพดีมาก สลายตัวในสิ่งแวดล้อมได้ดี ราคาประหยัด แต่หากนำมาใช้ในความเข้มข้นสูงจะมีความเป็นพิษสูง ส่วนประเทศที่จะให้ยกเลิกใช้พาราควอต มักระบุถึงสาเหตุการยกเลิกว่า เนื่องจากเกรงคนนำไปฆ่าตัวตาย ซึ่งประเทศที่ใช้อยู่ยังมีอีกมาก โดยได้กำหนดเกณฑ์มาตรการความปลอดภัย การเจือจางก่อนบรรจุขาย ผู้ใช้ต้องฝึกอบรมการใช้อย่างถูกวิธี และจำหน่ายให้เฉพาะผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น
"หากบีบให้ยกเลิกใช้พาราควอต เกษตรกรต้องไปใช้ยาฆ่าหญ้าชนิดอื่น ซึ่งมีอันตรายเช่นกัน อีกทั้งมีราคาแพงกว่าด้วย ทางฝั่งเกษตรกรจึงเรียกร้องให้ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ไม่ใช่ยกเลิก" รศ.ดร.เจษฎา กล่าว
รศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า สำหรับไกลโฟเซตซึ่งเป็นยาฆ่าหญ้าที่นิยมใช้กันทั่วโลกอีกชนิด มีพิษน้อยมาก น้อยกว่าเกลือแกงเสียอีก ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เกษตรกรรับได้ แต่การออกฤทธิ์เป็นแบบที่วัชพืชดูดซึมเข้าไป แล้วค่อยๆ ตาย ต่างจากพาราควอตที่ทำให้ใบไหม้อย่างรวดเร็ว โดยผลวิจัยจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า ไกลโฟเซตไม่อันตรายและไม่ได้ก่อมะเร็ง แต่หน่วยงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ผลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ถ้าให้เป็นปริมาณมาก อาจก่อมะเร็งได้ ทั้งนี้กลุ่มผู้ปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ นิยมใช้ไกลโฟเซต ซึ่งเอ็นจีโอที่ต่อต้านพืชจีเอ็มโอ โจมตีไกลโฟเซตที่เป็นพิษต่ำด้วย
"เอ็นจีโอใช้เทคนิคการปั่นในวังวนความกลัว โดยให้เข้าใจผิดว่า สารพาราควอตและไกลโฟเซตซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืช ต้องตกค้างอยู่ในพืชผักที่เรากินได้เหมือนยาฆ่าแมลงอย่างสารคลอร์ไพรีฟอส ซึ่งถ้าเราทำตามเอ็นจีโอ ที่กำลังปั่นหัวคนไทยขณะนี้หมายความว่า ประเทศไทยต้องยกเลิกพาราควอตและไกลโฟเซต แล้วเกษตรกรจะใช้สารอะไรกำจัดวัชพืช เป็นการผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้เกษตรกรที่ยากจนอยู่แล้ว ต้องยากจนหนักขึ้นไปอีกอย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งทำให้พ่อค้าสารเคมีได้กำไรมากขึ้นอีก จากการขายสารอื่นที่ไม่ถูกแบบและมีราคาแพงกว่า" รศ.ดร.เจษฎา กล่าว
รศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ ฝ่ายต่างๆ ส่วนใหญ่เถียงกันโดยไม่คำนึงเกษตรกร ทั้งนี้ ควรให้เกษตกรซึ่งเป็นผู้ใช้สารเคมีนี้โดยตรงเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้เอง อีกทั้งระบุว่า รู้ว่าการแสดงความคิดเห็นที่ต้านกระแสสังคมเช่นนี้ จะทำให้ถูกโจมตีหนักอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเว็บไซส์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือยูเอสเอพีเอ มีหน้าที่เฝ้าระวังการใช้สารเคมีตามหลักวิชาการ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยควบคุมการใช้สารเคมีวัถตุอันตรายในการทำเกษตร ทั้งหมดกว่า 800 ชนิด ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่มีการแบนสารพาราควอต คลอร์ไพริฟอส เป็นเพียงการฟ้องร้องให้ยกเลิกในชั้นศาลบางรัฐ และอยู่ระหว่างการอุทธรณ์กันอยู่ โดยยูเอสเอพีเอ ได้เผยแพร่อย่างกว้างขวาง ถึงวิธีการใช้สารเคมีในการทำเกษตรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ในแนวหลักการจำกัดการใช้ สร้างความรับรู้ความเข้าใจ เพื่อป้องกันเกษตรกรใช้สารเคมี ในปริมาณมากเกินความจำเป็น ต่อพืชและสัตว์ พร้อมกับวิธีปฏิบัติในการเกษตรสามารถเลือกใช้ทางเลือกอื่นๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี