การที่ผมมักจะได้รับเชิญให้ไปร่วมพิธีการส่งมอบข้าว รวมทั้งแจกจ่ายข้าวไปให้กับชาวบ้านที่ขาดแคลน ในประเทศต่างๆ ของอาเซียน ก็มักจะได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ รวมทั้งความเป็นไปต่างๆ ของประเทศเหล่านั้น เชื่อไหมว่า ผมเองสมัยที่ยังทำงานอยู่กระทรวงเกษตรฯ ตอนนั้นเชื่อว่าคนเกษตรรวมทั้งผมมักมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ไปเยี่ยมเยียนประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เวลาได้ทุนไปฝึกอบรมหรือไปดูงาน ก็มักจะเดินทางไปประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น แถวยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย อะไรทำนองนั้น แต่ประหลาดที่ตัวผมเองประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงในแถบอาเซียนกลับแทบไม่มีโอกาสจะได้ไปเลย ยังพูดกับเพื่อนๆ เสมอว่า พวกเราได้ไปดูประเทศอื่นๆ ไกลแสนไกลมาเยอะแยะ แต่ประเทศใกล้ชิดติดกันไม่มีโอกาสสัมผัส มาถึงช่วงเวลานี้ผมกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะต้องบินไปมาระหว่างไทย เมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เป็นว่าเล่น สารภาพว่า ผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปกัมพูชาครั้งแรก ก็เพียงเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา และได้ไปเมียนมาที่นั่งเครื่องบินระยะเวลา 1 ชั่วโมง พอๆ กับไปเชียงใหม่ ก็ตอนที่ได้มาทำงานกับแอปเตอร์นี่เองแหละครับ
ช่วงหนึ่ง ผมไปเข้าร่วมส่งมอบและแจกจ่ายข้าวแอปเตอร์ที่ประเทศเมียนมาและรัฐที่ไป คือ รัฐยะไข่ การเดินทางจากย่างกุ้ง โดยเครื่องบินภายในประเทศของเมียนมา ไปลงที่เมืองหลวงของรัฐ ชื่อเมือง ชิตตเว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเหมือนกัน รัฐยะไข่ เป็นรัฐที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา การเดินทางโดยรถยนต์ไปได้เหมือนกัน แต่คงใช้เวลาประมาณ 2 วัน เพราะเส้นทางอ้อมมาก ต้องผ่านและหลบหลีกภูเขา อีกทั้งเป็นทางแคบๆ ลาดยางก็จริง แต่ขรุขระรถยนต์วิ่งทำเวลาไม่ค่อยได้
พูดถึงถนนในเมียนมา ผมขอเล่าคั่นนิดว่า แตกต่างจากบ้านเรามาก นัยว่า เรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดยังไปไม่ถึงไหน เหมือนดั่งที่ภาคเอกชนไทยเคยเล่าให้ฟังเมื่อคราวจะไปลงทุนในประเทศเมียนมา กล่าวคือ ทั่วประเทศมีถนนดีๆ น้อยมาก มีถนน 4 เลนสายแรกเพียงสายเดียว สร้างประมาณสิบปีมานี้ เชื่อมระหว่างเมืองมัณฑะเลย์ ผ่านกรุงเนปิดอว์ ถึงปลายทางที่ย่างกุ้ง นอกนั้นเป็นถนนวิ่งสวนและแคบมากๆ แต่ช่วงปัจจุบันเริ่มทำถนนดีขึ้น โดยเส้นหลักๆ ก็จะทำการขยายถนนกว้างขึ้น อันนี้ไม่ต้องพูดถึงถนนในชนบทเลยนะ เพราะยังแย่อยู่มากทีเดียว
ขณะเดินทางผ่านถนนเหล่านี้ บางครั้งก็จะพบคนงานเมียนมากำลังซ่อมปะถนน ก็เป็นวิธีการแบบเก่ามาก ทำให้ผมหวนรำลึกไปถึงสมัยที่ผมเป็นเด็กๆ ราวปี 2512 นั่งรถจากสุพรรณบุรี ไปกรุงเทพฯ ผ่านนครปฐมตามถนนมาลัยแมน เห็นวิธีซ่อมปะถนนลาดยางแบบเดียวกัน คือ คนงานจะใช้บุ้งกี๋ใส่หินคลุกมาโรยถนนเป็นชั้นล่างสุด และข้างๆ ทางจะมีถังยางมะตอยขนาด 200 ลิตรตั้งบนกองฟืนต้มเคี่ยวจนเป็นน้ำสีดำสนิท แล้วเทใส่บัวรดน้ำหิ้วเอามาราดรดลงไปบนหินคลุกที่เรียงไว้ จากนั้นก็ใช้บุ้งกี๋ใส่หินเกร็ดโรยทับลงไปอีกที บดด้วยรถบดถนนเป็นอันเสร็จ เดี๋ยวนี้วิธีการข้างต้นบ้านเราไม่มีใครเห็น แต่ที่เมียนมายังพบได้ทั่วไปครับ
คณะผมซึ่งผู้ใหญ่นอกจากประกอบด้วย รองอธิบดี และเกษตรรัฐ (น่าจะเทียบเกษตรจังหวัดบ้านเรา) รวมทั้งทีมผมแล้ว ยังมีผู้ใหญ่สุดซึ่งถือเป็นประธานในพิธี คือ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิการของรัฐยะไข่ โดยจุดที่จะเดินทางไป คือ เมืองมองดอว์ และเมืองบูทิดอง ขึ้นต่อไปทางเหนือเมืองชิตตเวไปอีกเกือบติดชายแดนประเทศบังกลาเทศ แต่ไฮไลท์อยู่ที่การเดินทางครับ เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว ถ้าจะไปเมืองที่ว่าทางถนน ก็มีเหมือนกัน หากคงต้องใช้เวลาวิ่งรถยนต์เป็นวันจากระยะทางน่าจะประมาณ 100 กิโลเมตร เพราะคดเคี้ยวเลี้ยวลดมาก ฝ่ายผู้จัดเมียนมาเลยพาพวกเราทั้งคณะไปทางเรือเร็ว หรือ speed boat ไปตามลำน้ำที่ไหลมาจากบูทิดอง (พูดถึงแม่น้ำในเมียนมา คงจะมีความมหัศจรรย์มาเล่าเพิ่มขึ้นอีกในตอนต่อๆ ไป ครับ)
การเดินทางไปโดยทางน้ำนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะได้เห็นทัศนียภาพสองฝั่งแม่น้ำไปตลอดทาง ถ้าท่านผู้อ่านนึกถึงแม่น้ำบ้านเรา ตัวอย่างเช่น แม่น้ำเจ้าพระยา ถ้านั่งเรือขึ้นไปจากอยุธยาไปชัยนาทแล้วสภาพหรือบรรยากาศจะเหมือนกันกับที่ผมนั่งในเมียนมานั้น ก็ขอบอกว่าผิดถนัดครับ เพราะมันต่างกันมาก ฉบับหน้าจะมาเล่าต่อให้ฟังครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี