“นายกฯ” นั่งหัวโต๊ะประชุม กก.ทรัพยากรน้ำ “ย้ำ” ต้องให้เกษตรกรมีน้ำใช้ ที่ประชุมเคาะแผนปรับปรุงครองเปรมฯ บึงราชนก บึงบอระเพ็ด แผนป้องกันน้ำท่วมชุมพร วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน พร้อมเตือนอีสาน-กลาง แล้งหนักกว่าปี’57ไฟเขียว 4 มาตรการสู้ภัยแล้ง วอนช่วยประหยัดน้ำ หลายจว.ร้อนจัด ขาดแคลนน้ำ

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เป็นประธานประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งก่อนเข้าวาระการประชุม นายกฯกล่าวกับผู้ร่วมประชุมตอนหนึ่งว่า ขณะที่ยังบริหารราชการแผ่นดินอยู่ ต้องเร่งรัดบูรณาการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้ได้ ทั้งในส่วนโครงสร้างและความต้องการของพื้นที่ ปัญหาสำคัญเร่งด่วนคือ การบริหารจัดการน้ำในชุมชนต้องมีน้ำให้เกษตรกร แต่การส่งน้ำ ยังมีปัญหาซับซ้อน แต่ก็ต้องแก้ให้ได้

ทุ่มงบ4.4พันล.ปรับปรุงคลองเปรม

หลังประชุม นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.)แถลงผลการหารือในหลายประเด็นว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปรับปรุงและฟื้นฟูคลองเปรมประชากรทั้งระบบตลอดสาย ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร โดยมี 4 แผนงานคือ 1.ปรับปรุงและฟื้นฟูคลองเปรมประชากร เพื่อการระบายและรักษาคุณภาพน้ำ 2.พัฒนาระบบควบคุมน้ำในคลองเชื่อมโยง 3.ปรับปรุงพื้นที่แก้มลิง และ 4.พัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย โดยระยะเร่งด่วนที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินการตามแผนงานหลัก ด้านที่ 1.ปรับปรุงและฟื้นฟูคลองเปรมประชากร เพื่อการระบายและรักษาคุณภาพน้ำ วงเงิน 4,466 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2562-2565

ไฟเขียว3แผนฟื้นฟูบึง-แก้ท่วม

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแผนแม่บทฟื้นฟูบึงราชชนก จ.พิษณุโลก ประกอบด้วย 4.แผนงานหลัก 11 ด้าน 23 โครงการ มีหน่วยงานร่วมดำเนินการ 19 หน่วยงาน งบประมาณรวม 1,450 ล้านบาท โดยแผนงานหลัก 4 ด้าน เน้นแก้ปัญหาสภาพบึงตื้นเขิน เพิ่มความจุน้ำในบึง การบริหารจัดการน้ำทั้งหน้าฝนและแล้ง การใช้ประโยชน์ที่ดินเต็มศักยภาพ อีกทั้ง ยังเห็นชอบแผนแม่บทฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ โดยมีแผนหลัก 6 ด้าน 56 โครงการ วงเงิน 5,701.5 ล้านบาท โดยสทนช.คัดเลือกแผนงานเร่งด่วน 9 โครงการที่ต้องเร่งดำเนินการวงเงิน 1,513 ล้านบาท ปรับปรุงประตูระบายน้ำ 2 แห่ง ขุดลอกคลองบึงบอระเพ็ด ขุดคลองดักตะกอน ฯลฯ

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบดำเนินการโครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยจังหวัดชุมพรทั้งระบบ ระยะที่ 2 ปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 1,717 ล้านบาท เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนตอนล่างของอ.เมืองชุมพร ได้ประมาณ 37,500 ไร่ ครอบคลุม 16,802 ครัวเรือน ป้องกันน้ำเค็มรุกเข้าพื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่เมืองชุมพรได้ด้วย

เตือนอีสาน-กลางแล้งหนักกว่าปี57

สำหรับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันนั้น นายสมเกียรติกล่าวว่า สนทช.คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ ยังมีผลต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคมและเมษายน ทำให้ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ 10% ส่วนเดือนพฤษภาคม มีปริมาณฝนตกทั้งประเทศใกล้เคียงปกติ และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่หน้าฝนช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ คาดว่าโดยภาพรวมจะดีกว่าในปี 2557 ที่เกิดภัยแล้งหนักในประเทศไทย แต่บางภาค เช่น ภาคอีสานและภาคกลางจะแล้งกว่าปี 2557 โดยในปี 2557 ภาคอีสานมีน้ำใช้การได้ 1,400 ล้านลูกบาตรเมตร (ลบ.ม.) ส่วนปี 2562 คาดว่าจะมีน้ำใช้การได้เพียง 1,187 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ภาคกลาง ปี 2557 มีน้ำใช้การได้ 302 ล้าน ลบ.ม. ส่วนปี 2662 คาดว่าจะอยู่ที่ 226 ล้าน ลบ.ม. จึงขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด

คลอด4มาตรการสู้ภัยแล้ง

ทั้งนี้ สนทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบ 4 มาตรการรับมือผลกระทบภัยแล้ง โดย1.แจ้งเตือนเกษตรกรงดปลูกพืชฤดูแล้งและพืชต่อเนื่อง 2.ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบขาดแคนน้ำอุปโภคบริโภค 3.ทบทวนแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้งในปีนี้ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เอลนีโญที่กำลังอ่อน 4.กรณีมีการปรับแผนจัดสรรน้ำ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างความสมดุลย์ของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ให้เพียงพอต่อความต้องการ

หลายจว.เดือดร้อนหนักขาดแคลนน้ำ

ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งขยายวงกว้างหลายจังหวัด สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ อย่างชาวบ้านในต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา รวม 3 หมู่บ้าน ประมาณ 200 หลังคาเรือน ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จากสภาพอากาศแห้งแล้ง สระน้ำสาธารณะที่ใช้ผลิตน้ำประปาหมู่บ้านแห้งขอด ชาวบ้านต้องซื้อน้ำจากรถขายน้ำถังละ 100 บาท เฉลี่ย 1 สัปดาห์ใช้น้ำ 3 ถัง ต้องจ่ายเงินเดือนละ 1,000 บาท ล่าสุดพระวัดบ้านหมัน และกรรมการวัด ร่วมลงขันขุดบ่อน้ำบาดาล เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน

ที่ จ.มุกดาหาร ชาวบ้านแก่นเตา และหมู่บ้านใกล้เคียงเผชิญภาวะภัยแล้ง ขาดน้ำดื่มน้ำใช้ โดยนายวรพล ฉวีรักษ์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 โครงการชลประทานมุกดาหาร เร่งดำเนินโครงการสร้างฝายห้วยตูบ บ้านแก่นเตา ต.โพนทราย อ.เมือง หวังแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้านมากกว่า 300 คน และสำหรับใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่ 650 ไร่

ส่วนที่เชียงใหม่ ปีนี้ภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปี ลำน้ำแม่แตงแห้งขอด บางจุดเห็นสันดอนทรายเป็นแนวยาว ชาวบ้านเดินข้ามไปมาสองฝั่งลำน้ำได้ ปกติชาวบ้านจะทอดแหหาปลา แต่ปีนี้ชาวบ้านห้วยป่าซาง ต.กิ๊ดช้าง อ.แม่แตงพากันมาขุดทรายละเอียดในลำน้ำแม่แตงขายให้นายทุน เนื่องจากไม่มีรายได้

อุตุเตือนร้อนจัด-ระวังพายุ13-16มี.ค.

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนตอนกลางวันกับมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 13-16 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง เกิดพายุฤดูร้อนขึ้น มีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก

เชียงใหม่อ่วมทั้งฝุ่นควันพิษ

ส่วนที่จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สภาพอากาศอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง โดยในเขตตัวเมือง ท้องฟ้ามีสีเทาเข้ม มองไม่เห็นดอยสุเทพ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของเว็บไซต์รายงานคุณภาพอากาศของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) พบว่าภาพรวมหลายอำเภอของ จ.เชียงใหม่ ดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศพุ่งสูงเป็นสีแดงทั้งจังหวัด เจ้าหน้าที่ฉีดพ่นน้ำแก้ปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ ขณะที่นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน

โดยนายศุภชัยเผยว่า คุณภาพอากาศในจ.เชียงใหม่เริ่มไม่ดี เนื่องจากความกดอากาศสูงเริ่มแผ่มาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ประกอบกับฝุ่นละออง ทั้งจากการเผาในจ.เชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงถูกลมพัดเข้าสะสมในเขตเมืองซึ่งเป็นแอ่งกะทะ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกอำเภอปิดป่าไปในหลายพื้นที่แล้ว พร้อมกับสั่งการให้ฉีดพ่นเพิ่มละอองน้ำในเขตชุมชนทุกแห่ง ศูนย์ราชการ เพื่อลดค่าฝุ่นละออง

ไฟป่าโหมหลายจว.เหนือ

ขณะที่หน่วยทหารรายงานไปยังศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ภาคเหนือ ระบุว่า พบจุดความร้อน (Hot spot) จากการเกิดไฟป่าในหลายจังหวัดของภาคเหนือ วันที่ 10 มีนาคม ที่ดอยพระบาท จ.ลำปาง ที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน แม้ล่าสุดกำลังเจ้าหน้าที่จะเจ้าไปดับไฟป่าได้แล้ว แต่ต้องมีการแจ้งย้ายกำลังพลดับไฟป่าจากหน่วยป่าไม้ 120 นาย เข้าไปช่วยดับไฟป่าในจ.แพร่ และน่าน แทน เนื่องจากมีแนวโน้มกว่าเกิดจุดความร้อนจากไฟป่าต่อเนื่อง และไฟป่าที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ก็เกิดขึ้นอีก

ด้าน พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากแม่ทัพภาคที่ 3 ให้ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัด ประสานตำรวจภูธรจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด กรณีตรวจพบการเผาป่าให้ตรวจสอบ สืบสวนและหาตัว มาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และให้ประสาน ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ออกคำสั่งการปิดป่า หมายความว่าต้องไม่มีใครเข้าไปอยู่ในป่าเพื่อมีโอกาสในการทำให้เกิดไฟไหม้หรือวางเพลิงได้อีกแล้ว