12 มี.ค.62 เว็บไซต์สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) ได้เผยแพร่คำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.16/2562 เรื่องยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการถือครองทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่สัญชาติลาว กับพวก ทั้งนี้ เนื่องมาจากก่อนหน้านี้ตำรวจทางหลวงได้จับตัวนายวิทยา โสภา ได้พร้อมของกลางเมทแอมเฟตามีน 2.3 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2558 และจากการขยายผลพบว่านายไซซะนะ และนายชุมพร พนมไพร เป็นผู้สั่งการลำเลียงยาเสพติดเข้ามา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายไซซะนะได้ ซึ่งนายไซซะนะ กับพวกมีความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ต้องหากับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
จากการตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องในช่วงปี 2560-2561 พบว่านายไซซะนะ กับพวก ได้กระทำความผิดจริงและได้ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวน 43รายการ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินอื่นที่ไม่ปรากฏหลักฐานทางทะเบียน เช่น รถยนต์เบนลี่ รถยนต์บีเอ็ม รถยนต์เบนซ์ รถยนต์ปอร์เช่ รถยนต์โตโยต้า รถยนต์ฮอนด้า รถยนต์มินิคูเปอร์ รวมถึงนาฬิกาข้อมือและกระเป๋าแบรนด์ดัง ดังนั้น คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 62 ในยึดอายัดทรัพย์สิน 43 รายการ พร้อมดอกผล รวมมูลค่า 40,925,168.44 บาท กำหนดไม่เกิน 90 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คณะกรรมการธุรกรรมยังมีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดชั่วคราวไว้เพิ่มเติม คือ นายปาณสาร สมชีวิตา ลูกชายอดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ กับพวก จำนวน 6 รายการ มูลค่า 15.8 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ 62 – 12 พ.ค. 62 หลังจากก่อนหน้านี้ ปปง.ได้มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ในความผิดดังกล่าวไว้เมื่อวันที่ 23ม.ค.2558 รวม 14 รวม 112,429.47 บาท ครั้งที่ 2 วันที่ 26 ม.ค.2558 อายัดไว้ 24 รายการ มูลค่า 438,220.28 บาท และครั้งที่ 3 วันที่ 31 ส.ค.2559 อายัดเพิ่มอีก 1 รายการ เป็นหุ้นบริษัทไทยโวลาห์ เอนเนอร์จี จำนวน 5 แสนหุ้น รวมมูลค่าหุ้นละ 4.6 บาท รวมเป็นเงิน 2.1 ล้านบาท ครั้งที่ 4 วันที่ 9 เม.ย 61 อายัดไว้อีก 11 รายการ
สำหรับคดีดังกล่าวนายปาณสารและพวก ถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกรณีหลอกลวงว่า มีหุ้น IPO เพื่อเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปก่อนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าได้รับการจัดสรรจากผู้มีอุปการคุณ 3 ตัว คือ หุ้นบริษัทคาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CBG) 2.หุ้นบริษัทวิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน ) (VPO) 3.หุ้นบริษัทเมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS)รายละกว่า 1 ล้านหุ้น ซึ่งประชาชนเห็นว่ามีโอกาสทำกำไรได้ จึงหลงเชื่อซื้อหุ้น IPO จากนายปารณสาร รวมมูลค่าความเสียหาย 281 ล้านบาท เนื่องจากวันเปิดตลาดผู้ต้องหาไม่สามารถโอนหุ้นเข้าไปในบัญชีของผู้เสียหายแต่ละคนได้ โดยนายปาณสารอ้างว่าติดขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และถูกปปง.อายัดเงินไว้ ทั้งนี้ ภายหลังจากผู้เสียหายตรวจสอบพบว่าถูกหลอกลวงจึงรวมตัวเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน และสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 6 พ.ค.57
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี