ได้เข้าไปฟังการเสวนา เรื่อง “ก้าวต่อไปของเกษตรกรไทย วิกฤติ หรือ โอกาส” ทาง facebook live ของ เครือข่ายเกษตรและอาหารปลอดภัย หรือ GAP Net ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่สถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในการเสวนาครั้งนี้มีการพูดถึงการทำการเกษตรตามระบบ GAP หรือ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีไว้อย่างน่าสนใจ ผู้ที่พูดถึงเรื่องนี้คือ ชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย ผู้ซึ่งเป็นแกนนำในการสร้างระบบ THAIGAP
ชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ บอกว่า ที่ตนเองออกมาเป็นตัวตั้งตัวตีสร้างระบบ THAIGAP ทั้ง ๆ ที่ หน่วยราชการคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็มีระบบการรับรอง GAP อยู่แล้ว ก็เนื่องมาจากการผลักดันของกระทรวงเกษตรฯ ในการที่จะให้เกษตรกรทำการผลิตตามระบบ GAP นั้น เน้นไปที่การผลิตเพื่อการส่งออก และให้เป็นมาตรการสมัครใจ แต่ในสิ่งที่ควรจะเป็นคือ ควรจะสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรว่า เกษตรกรควรผลิตในระบบที่ถูกต้องไม่ว่าจะส่งออก หรือไม่ก็ตาม
เพราะวิธีการปฏิบัติตามระบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP นั้น ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ผลผลิตมีคุณภาพ และที่สำคัญคือผลผลิตมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ชูศักดิ์ พูดถึง ออร์แกนนิค หรือเกษตรอินทรีย์ว่า การจะปลูกหรือทำการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์นั้น ต้องใช้พื้นฐานของ GAP หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีมาก่อน เพราะเกษตรอินทรีย์ กับ GAP มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ผลผลิตมีความปลอดภัย เพียงแต่การผลิตแบบ GAP ใช้สารเคมีได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกต้อง และไม่มีสารตกค้างในผลผลิต ส่วนเกษตรอินทรีย์นั้น ไม่สามารถใช้
สารเคมีใดๆ ได้
อย่างไรก็ตาม มีคนพูดถึงแต่ว่าเกษตรอินทรีย์ ทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง แต่ไม่มีใครพูดถึงว่าผลผลิตจากระบบเกษตรอินทรีย์ มีโอกาสปนเปื้อนสูง เชื้อโรคอีโคไล ซาลโมเนลล่า ถ้าตรวจพบในต่างประเทศ มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันล้มละลายเลยทีเดียว เพราะเชื้อเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าคนไทยมีภูมิต้านทานสูงกว่าฝรั่งจึงไม่ค่อยมีประเด็นเรื่องนี้ปรากฏให้เห็นนัก
ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไม่มีปัญหา หรือความขัดแย้งระหว่างการผลิตโดยใช้สารเคมีกับการผลิตแบบอินทรีย์ เพราะญี่ปุ่นมีเป้าหมายเดียวคือ ผลผลิตต้องปลอดภัย การผลิตแบบอินทรีย์ก็ทำไป จะส่งเสริมหรือสร้างชื่อเสียงกันก็ทำเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของ
ท้องถิ่นนั้นๆ ไป
การผลิตตามระบบ GAP ของญี่ปุ่น เอกชนเป็นคนทำ ราชการไม่ได้มาเกี่ยวข้อง ราชการเพียงแต่ออกกฎหมายว่าอาหารต้องปลอดภัย ส่วนการทำให้ปลอดภัยทำอย่างไรคนผลิตต้องไปจัดการเอง นั่นคือต้องมีระบบ เอกชนจึงไปสร้างระบบให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย หรือ GAP และ GAP ของญี่ปุ่น เป็น GAP ที่ใช้มาตรฐานสูงของยุโรป และทำทั้งการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ ใช้มาตรฐานเดียวกัน ญี่ปุ่นจึงไม่มีปัญหาการตลาดกับตลาดต่างประเทศ และที่น่าสนใจคือญี่ปุ่นมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรสูงกว่าของไทยทั้ง ๆ ที่พื้นที่ทำการเกษตรไม่มาก แต่มีการบริหารจัดการที่ดี
ย้อนกลับมาที่ GAP ของไทย ปัจจุบันยังมีปัญหาความล่าช้าของการรับรองแหล่งผลิต GAP จากทางราชการ ยกตัวอย่าง ทุเรียนที่จันทบุรี สาธารณรัฐประชาชนจีน มีความต้องการทุเรียนจากไทยปีละประมาณ 5 แสนตัน ซึ่งต้องเป็นแปลงที่ผลิตในระบบ GAP แต่ปริมาณผลผลิตทุเรียนจำนวนดังกล่าวคำนวณแล้วต้องมีพื้นที่ปลูกทุเรียนกว่า 2 แสนไร่ แต่สวนที่ได้การรับรอง GAP มีเพียงหลักหมื่นไร่ ส่วนที่เหลือจะทำอย่างไรจึงจะรับรองให้ทันในฤดูกาลนี้ถ้าไม่แก้ปัญหาการรับรอง GAP ให้ได้อย่างรวดเร็วอาจจะเสียโอกาสทางการตลาดของทุเรียนไทยไปอย่างน่าเสียดาย
ชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ กล่าวถึง THAIGAPว่าเป็นระบบการรับรองที่เอกชนสร้างขึ้นมา โดยสภาหอการค้าไทย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันพัฒนาและผลิตภัณฑ์อาหาร สวทช. GISDA สมาคมการค้าปลีกแห่งประเทศไทย ร่วมกันทำงานทั้งการพัฒนาเกษตรกร การตรวจสอบย้อนกลับ และการรับรอง เป็นมาตรฐานที่สากลยอมรับ แต่การรับรอง THAIGAP เกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่เหมือน Q GAP หรือ GAP ของกระทรวงเกษตรฯ ที่เกษตรกรไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
เกษตรกรคงต้องชั่งน้ำหนักดูว่าจะยอมลงทุนให้เอกชนรับรอง หรือ จะรอภาคราชการรับรองให้ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ น่าจะต้องพิจารณาระบบการรับรอง GAP ของไทยแล้วว่าจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ หรือต้องจับเข่าคุยกันกับภาคเอกชน และทำ GAP ให้เข้มแข็ง มาตรฐานเดียวกันทั้งการส่งออก และบริโภคภายในประเทศ และควรจะมีเพียง GAP เดียว ผู้บริโภคจะได้ไม่สับสน
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี