สทนช.คลอดแผนพัฒนาหนองหาร จับมือ9หน่วยงานทุ่ม5พันล.เพิ่มศักยภาพ

สทนช.คลอดแผนพัฒนาหนองหาร จับมือ9หน่วยงานทุ่ม5พันล.เพิ่มศักยภาพ

วันพุธ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ร่วมกับจ.สกลนคร ศึกษาจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร ไปสู่การใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นในการอุปโภคบริโภค ภาคเศรษฐกิจ การเกษตร และการบรรเทาอุทกภัย ทำให้เกิดปัญหาจัดการหนองหาร โดยศึกษาแบบองค์รวม มีทิศทางและกรอบแนวทางพัฒนาที่ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน เพื่อเป็นแนวทางให้ส่วนราชการต่างๆ นำไปดำเนินการได้ ทั้งนี้ แบ่งระยะเวลาการพัฒนาหนองหาร 10 ปี เป็นแผนระยะเร่งด่วนระหว่างปี 2563-2564 แผนระยะปานกลางระหว่างปี 2565-2567 และแผนระยะยาวระหว่างปี 2568-2572 โดยมี 9 หน่วยงาน ได้แก่ กรมประมง กรมชลประทาน กรมโยธาและผังเมือง กรมพัฒนาที่ดิน การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสกลนคร สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสกลนคร สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการแผนดังกล่าว

สำหรับผลการศึกษาได้ข้อสรุปดังนี้ ด้านน้ำท่วมและอุทกภัย เห็นว่า ให้ใช้ ปตร.สุรัสวดี ร่วมกับ ปตร.น้ำพุง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2566 เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในหนองหารให้ต่ำกว่าระดับเก็บกัก 1 เมตร ต่อเนื่องช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม พร้อมทั้งให้ปรับปรุงการระบายน้ำในลำน้ำก่ำทั้งระบบให้ระบายน้ำได้ใกล้เคียงกับการระบายน้ำสูงสุดของ ปตร.สุรัสวดี และปรับปรุงหนองน้ำสาธารณะ 15 แห่ง ที่อยู่ริมสองฝั่งของลำน้ำก่ำให้เป็นแก้มลิง และเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ 3,700 ไร่ รวมทั้งขุดลอกสันดอนปากลำน้ำสาขาหลักที่ไหลลงหนองหาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดปัญหาน้ำล้นตลิ่งท่วม 2 ฝั่งลำน้ำสาขาที่ไหลลงหนองหาร


ด้านการใช้น้ำ เห็นว่า ปริมาณความจุของหนองหาร ปัจจุบันเพียงพอเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับการใช้น้ำทุกกิจกรรม จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มความจุ อย่างไรก็ตาม ในส่วนระบบสูบน้ำเพื่อการชลประทานเดิม 13 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เกษตรในระยะ 2 กิโลเมตร จากขอบหนองหารแล้ว แม้จะมีปริมาณน้ำเพียงพอที่จะขยายพื้นที่เกษตรได้อีก 25,000 ไร่ แต่ระยะทางการสูบส่งน้ำอยู่ห่างจากหนองหารมาก จึงไม่เหมาะสมที่จะขยายพื้นที่ชลประทานด้วยระบบสูบน้ำเพิ่มขึ้น แต่ควรปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพของสถานีสูบน้ำเพื่อการชลประทานทั้ง 13 แห่ง ที่ใช้งานมานนาน หลายส่วนเกิดการชำรุด ทำให้ใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ด้านน้ำเสีย ต้องก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครสกลนคร ก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักให้ครอบคลุมเขตเทศบาลนครสกลนครและเทศบาลตำบลท่าแร่ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและรวบรวมน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย เพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของเทศบาลตำบลท่าแร่ และก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียของพื้นที่ชุมชนรอบหนองหารที่ยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสีย และน้ำเสียที่ไม่ผ่านระบบต้องสนับสนุนให้บำบัดน้ำเสียเบื้องต้นระดับครัวเรือน โดยของบอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม

ด้านวัชพืชลอยน้ำ สาหร่ายและซากวัชพืชตกตะกอนทับถม ต้องกำจัดวัชพืชลอยน้ำในหนองหารให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกำจัดสาหร่ายวัชพืชใต้น้ำและซากวัชพืชที่ตกตะกอนทับถม เพื่อฟื้นฟูให้น้ำในหนองหารมีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น เหมาะเป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับกิจกรรมทุกประเภท และเหมาะต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ

“แผนพัฒนาหนองหารตามแผนดังกล่าว เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 6 ด้าน ในกรอบวงเงินงบประมาณ 5,490 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี (พ.ศ. 2563-2572) เมื่อการพัฒนาแล้วเสร็จจะฟื้นฟูหนองหารให้เป็นแหล่งน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ มีระบบนิเวศที่ดี มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งประมงพื้นที่บ้าน สร้างรายได้เสริมให้ประชาชน และเป็นแหล่งน้ำดิบที่มีคุณภาพเพื่อผลิตน้ำประปาของชุมชนรอบหนองหาร ตลอดจนเป็นแหล่งน้ำชลประทานสำหรับเกษตรกร เพิ่มศักยภาพให้หนองหารด้านต่างๆ ไม่ว่าจะการบรรเทาอุทกภัย การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม การท่องเที่ยวและนันทนาการอีกด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในที่สุด

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top