พื้นที่เขตทุ่งครุ ของกรุงเทพมหานคร แต่เดิมเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ทำนาทำสวนผลไม้ ปัจจุบันสภาพพื้นที่เปลี่ยนไป หมู่บ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์เริ่มรุกเข้ามา มีห้างสรรพสินค้าผุดขึ้นในพื้นที่เกษตรเดิม ระบบการจัดการของท้องถิ่นเริ่มเปลี่ยนไป คนนอกพื้นที่หลั่งไหลเข้ามาอาศัยอยู่มากขึ้น
ประชากรในเขตทุ่งครุมีประมาณ 120,000 คน และส่วนหนึ่งเป็นชุมชนของชาวมุสลิมอาศัยอยู่ประมาณ 60,000 คน ต่อมาปี 2554 ได้รวมกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์บริการอิสลามเนียะมะตุลลอฮ์ จำกัด เพื่อระดมเงินทุนช่วยเหลือพี่น้องชาวมุสลิม ซึ่งระบบสหกรณ์นั้นถูกกับหลักศาสนาอิสลามและถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสมาชิก 600 คน และสมาชิกส่วนหนึ่งประมาณ 30% ยังยึดอาชีพการเกษตรและยังเก็บรักษาที่ดิน ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ ทำสวนและเลี้ยงสัตว์ ยังมีบางรายที่ไม่พัฒนาที่ดินต่อ ทำให้เกิดที่รกร้างว่างเปล่า มีบางส่วนรอขายที่ดินเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรรเนื่องจากที่ดินมีราคาสูงขึ้น ทำให้วิถีชีวิตในแบบเกษตรกรรมได้ถูกกลืนหายไปอย่างน่าใจหาย
นายเปี่ยม อารีฮูเซ็น ประธานสหกรณ์บริการอิสลามเนียะมะตุลลอฮ์ จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์เห็นความสำคัญของการรักษาพื้นที่การเกษตรในเขตทุ่งครุให้อยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน จึงทำโครงการแปลงเกษตรตัวอย่าง เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกนำที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยแนะนำแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานไว้ ให้สมาชิกนำไปใช้ดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ ขณะเดียวกัน สหกรณ์สร้างแปลงเกษตรตัวอย่างโดยขอเช่าที่ดินของสมาชิก 1 ไร่ มาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นแปลงเกษตรผสมผสาน เพื่อเป็นพื้นที่ตัวอย่างให้สมาชิกศึกษาเรียนรู้และนำกลับไปปรับใช้กับที่ดินของตนเอง
ภายในแปลงเกษตรตัวอย่าง ได้แบ่งพื้นที่ประมาณ 25% เป็นบ่อปลา เลี้ยงปลาดุก ปลาช่อน ปลานิลและปลากด พื้นที่อีก 30% ปลูกผลไม้ มะม่วง ทุเรียน กล้วย ส่วนหนึ่งปลูกผักสวนครัว และมีโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โรงแปรรูปสินค้าใช้เงินลงทุนไป 150,000 บาท และลงมือปลูกพืชผักขยายต่อยอดพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดความสำเร็จให้เพิ่มขึ้น และตั้งแต่เริ่มลงมือทำแปลงเกษตรในเดือนตุลาคม 2561 จนถึงเดือนมกราคม 2562 สหกรณ์จับปลาชุดแรกไปแล้ว 30% ของปลาที่ลงทุนไปทั้งหมด ได้กำไรจากการจับปลาลอตแรก 20-30% ของเงินลงทุน และเดือนเมษายนจะจับปลาที่เหลืออีก 70% พร้อมทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งกล้วย มะม่วงจำหน่ายภายในชุมชน ซึ่งมีรายได้กลับคืนมาเท่ากับเงินที่ลงทุนไป
การบริหารจัดการในแปลงเกษตรตัวอย่างใช้วัสดุที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ อาหารปลาได้จากเศษอาหารที่ยังไม่เน่าเสียมาผสมน้ำหญ้าหวาน ซึ่งมีโปรตีนประมาณ 20% และมีแหนมาผสมด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อลดต้นทุน ซึ่งต้นทุนอาหารปลากิโลกรัมละ 5 บาท เมื่อเลี้ยงได้ 4 เดือน ปลาตัวโตได้ขนาด สหกรณ์จะจับส่งขายสะพานปลา และส่วนหนึ่งขายให้คนในชุมชน ซึ่งถูกกว่าราคาตลาดประมาณ 20% เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ชาวบ้าน ขณะนี้ได้ทดลองแปรรูปปลาแดดเดียวขาย และจำหน่ายได้ราคามากกว่าปลาสดประมาณ 150% และในอนาคตสหกรณ์จะขยายการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงปลาให้กับสมาชิก โดยสหกรณ์จะร่วมลงทุนเพิ่มอีก 3 บ่อ และสหกรณ์จะนำปลาบึกมาอนุบาลก่อนขายให้สมาชิกไปเลี้ยงต่อ เพื่อขยายพันธุ์ และจะพัฒนาให้บ่อปลาของสหกรณ์กลายเป็นแหล่งเลี้ยงปลาเศรษฐกิจในเขตทุ่งครุ และจะเป็นศูนย์กลางรวบรวมปลาส่งตลาด ซึ่งสหกรณ์จะพัฒนาระบบน้ำเพื่อเพาะพันธุ์ปลาเอง และจะถ่ายทอดเทคโนโลยีวิธีการเลี้ยงปลาให้เข้าระบบบ่อของของสมาชิกแต่ละราย
ในบ่อเลี้ยงปลาจะนำน้ำหมักชีวภาพผสมลงไป เมื่อเวลาผ่านไปจะขุดลอกเลนใต้บ่อปลาขึ้นมา ทำให้พื้นที่ในแปลงเกษตรได้รับธาตุอาหาร ถ้าบริหารจัดการที่ดีที่ดินเลยถูกทิ้งร้างจะทำประโยชน์ได้มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท และในวันข้างหน้าสหกรณ์จะขยายแปลงเกษตรออกไปเรื่อยๆ รวมถึงจะพัฒนาการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า ปกติขายกล้วยสดหวีละประมาณ 20-30 บาท แต่ถ้ามีการแปรรูปเป็นกล้วยตากขายส่งได้ 80 บาท ซึ่งสหกรณ์วางแผนในอนาคตทำเป็นแหล่งแปรรูปกล้วยและเชื่อมโยงเครือข่ายกับสหกรณ์ในพื้นที่อื่นๆ เพื่อส่งวัตถุดิบให้ และสหกรณ์จะพัฒนาแปลงเกษตรของสหกรณ์ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดสารพิษของคนเขตทุ่งครุและพื้นที่ใกล้เคียง ตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการปลา อาหาร ผลผลิตทางการเกษตรสามารถมาซื้อจากสหกรณ์ได้ทุกวัน
ประธานสหกรณ์บริการอิสลามเนียะมะตุลลอฮ์ จำกัด ฝากถึงเกษตรกรที่มีที่ดินทำการเกษตรว่า อยากให้ช่วยรักษาไว้ เพราะนับวันคนจะทำเกษตรลดน้อยลง เชื่อว่าอาชีพเกษตรกรรมยังมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ ซึ่งจะต้องมีความตั้งใจจริง พัฒนาที่ดินไม่ให้รกร้างว่างเปล่า นำมาทำให้เกิดประโยชน์ โดยเลี้ยงปลา ปลูกผักปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ และเริ่มจากเป็นแหล่งอาหารให้ครอบครัวก่อนขยายสู่การเป็นอาหารให้คนข้างเคียงหรือเป็นการแลกเปลี่ยนอาหารกัน วิถีเก่าๆที่เอื้ออาทรต่อกันก็น่าจะกลับมา จากนั้นจึงค่อยต่อยอดไปถึงการรวมกลุ่มเหมือนเช่นที่สหกรณ์ทำอยู่ตอนนี้ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หากเราทำแปลงเกษตรได้เอง เราจะควบคุมกระบวนการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หรือเลี้ยงปลา ไม่ให้มีสารเคมีมาปนเปื้อน เพราะปลาหรืออาหารที่เราไปซื้อจากตลาด หรือฟาสต์ฟู้ดส์ต่างๆ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าของที่เราซื้อมานั้น มีสารเคมีที่บริโภคเข้าไปแล้วจะเกิดโทษต่อร่างกายหรือไม่ แต่ถ้าเราปลูกเองเลี้ยงเองเพื่อนำมาบริโภค เราควบคุมทุกอย่างได้นี่คือสิ่งที่สหกรณ์พยายามถ่ายทอดให้สมาชิกและชาวบ้านในชุมชนทุ่งครุได้ตระหนักเรียนรู้ และเห็นความสำคัญของการนำที่ดินที่มีอยู่มาสร้างประโยชน์และเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดิน โดยทำการเกษตรผสมผสาน ยึดแนวทางทฤษฎีใหม่มาใช้ประกอบอาชีพและดำเนินชีวิต ทำให้ทุกคนอยู่รอดอย่างยั่งยืนในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี