เชียงรายยังหนักวิกฤติหมอกควัน ทหารระดมสร้างความชุ่มชื้นให้มหาวิทยาลัย - ด้านเอกชนขอเร่งแก้ไขหวั่นกระทบท่องเที่ยว
2 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศในปริมาณสูงกว่าปกติ โดยคุณภาพอากาศจากเขต อ.เมืองเชียงราย ในเวลา 12.30 น. พบว่าปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือ PM2.5 ในอากาศปริมาณ 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 ในอากาศจำนวน 168 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่ อ.แม่สาย พบว่าปริมาณฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือพีเอ็ม 2.5 ในอากาศจำนวน 162 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพีเอ็ม 10 ในอากาศจำนวน 211 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ากระทบต่อสุขภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการที่มหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งในจังหวัดเชียงราย ทั้ง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้มีกำหนดให้ปิดการเรียนการสอน เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองในอากาศที่เกินค่ามาตราฐาน กระทบต่อนักศึกษานั้น ล่าสุดทาง พ.อ.ชาคริต ปรุงสุวรรณ์ ผบ.นพค.35 สนภ.3 นทพ. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกน้ำและรถดับเพลิงในสังกัด ทำการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของนักศึกษา และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยแล้ว
โดย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ จ.เชียงราย จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงและแสดงอาการทันที ซึ่งจะมีการสะสมจะเริ่มมีอาการประมาณ 1 เดือน ซึ่งจะส่งผลทางด้านทางเดินหายใจ และส่งผลก่อให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ก็มีกลุ่มเสี่ยงจำนวน 5 กลุ่มทีต้องได้รับการดูแลก็คือ 1.ผู้สูงอายุ 2.หญิงตั้งครรภ์ 3.เด็กที่อายุ 0-5 ปี 4.ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง 5.ผู้ป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ซึ่งในกลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ 2 แสนคน และจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งควรอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาในที่โล่งแจ้ง ในส่วนของการป้องกันนั้นหากไม่มีหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ก็ให้ใช้หน้ากากแบบธรรมดา จำนวน 2 ชั้น โดยให้ใส่กระดาษทิชชูไว้ตรงกลางจำนวน 2 แผ่นก็จะสามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ได้เกินกว่า 90 เปอร์เซนต์
ทางด้าน นายกิตติ ทิศสกุล รักษาการประธานสภาอุตสหกรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการฉีดพ่นน้ำและสนับสนุนกิจกรรมอื่นๆ ของจังหวัด เช่น หน้ากาก อาสาสมัคร อย่างต่อเนื่องด้วยหวังว่าสถานการณ์จะเบาบาง รวมทั้งยังแสวงหาข้อมูลข่าวสารเพื่อแจ้งให้กับผู้ประกอบการเพื่อแนะนำนักท่องเที่ยว โดยกรณีเดินทางไปช่วงนี้ก็ให้สวมใส่หน้ากากเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นที่จะเดินทางมา แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปีนี้ถือว่าหนักพอสมควร จึงได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว โดยพบว่าอัตราเข้าพักของนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 10-20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวพักระยะยาวหรือลองสเตรย์ก็พบว่าได้ออกไปท่องเที่ยวยังนอกพื้นที่ เช่น ภาคใต้หรือกรุงเทพฯ แทน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าจะผ่านพ้นปัญหาช่วงนี้ไปได้โดยนักท่องเที่ยวที่รู้จักสภาพอากาศ จ.เชียงราย เป็นอย่างดีจะทราบว่าฝุ่นละอองเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ และหลังจากนี้ก็จะหายไปทำให้นักท่องเที่ยวจะกลับไปเยือนเชียงรายอีกครั้งตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์นี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ นายกิตติ ยังได้ได้มีแนวความคิดในการอยากให้ทางรัฐบาลช่วยลดค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนระดมในการฉีดพ่นน้ำสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ของตนเอง ด้วย
ทั้งนี้ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้สั่งการมาตรการพิเศษในการแก้ไขปัญหาเชิงรุก โดยสั่งการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 15 ร่วมกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย สนธิกำลังกับชาวบ้าน จัดกำลังชุดดับไฟป่า แบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด คือชุดเฝ้าดับไฟทันทีเมื่อมีเกิดฮอตสปอต ชุดลาดตระเวนเคลื่อนไหวในป่าตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดไฟป่าซ้ำ ชุดในท้องถิ่นโดยให้ผู้นำชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกดดันโดยให้ปฏิบัติอย่างเข้มข้นตลอด 15 วันนับจากนี้เป็นต้นไป ส่วนการฉีดพ่นน้ำในอากาศจะยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและฝนไม่ตกลงมาอาจมีการพิจารณาขยายระยะมาตรการห้ามเผาทุกชนิดโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. - 15 เม.ย.นี้ออกไปอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี