อธิบดีกรมชลฯเผยฤดูแล้งใช้น้ำแล้วทั่วประเทศ20,049ล้านลบ.ม. ส่วนลุ่มเจ้าพระยาใช้น้ำ103%เกินแผนจัดสรรน้ำ จากแผน8พันล้านลบ.ม.พุ่ง8.2พันล้านลบ.ม.ดึงน้ำแม่กลองมาช่วย พร้อมระดมสูบน้ำให้พื้นที่ขาดน้ำกินใช้-เกษตรนอกเขตชลประทาน40จว.เริ่มนำน้ำก้นเขื่อนอุบลรัตน์มาใช้20เม.ย.
16 เม.ย.62 นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง ว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 44,439 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 58 เป็นปริมาตรนํ้าใช้การได้ 20,514 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 39 น้อยกว่าปี 2561 จํานวน 4,602 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จํานวน 25.51 ล้าน ลบ.ม.ปริมาณน้ำระบายจํานวน 123.88 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
ได้วางแผนการใช้น้ำวันที่ 1 พ.ย.61 - 30 เม.ย.62 จากปริมาตรนํ้าต้นทุน สามารถใช้การได้ จํานวน 39,570 ล้าน ลบ.ม.โดยวางแผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศจํานวน 23,100 ล้าน ลบ.ม.ตามความสำคัญ เช่น เพื่อการอุปโภค-บริโภค 2,404 ล้าน ลบ.ม.รักษาระบบนิเวศน์และอื่นๆ 6,440 ล้าน ลบ.ม.เกษตรกรรม 13,953 ล้าน ลบ.ม.และอุตสาหกรรม 303 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับจัดสรรน้ำในลุ่มเจ้าพระยา 8,000 ล้าน ลบ.ม.จากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ 6,500 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนแควน้อยบํารุงแดน 400 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 400 ล้าน ลบ.ม.และลุ่มน้ำแม่กลอง 700 ล้าน ลบ.ม.แยกเป็น เพื่อการอุปโภค - บริโภค 1,140 ล้าน ลบ.ม.เพื่อการรักษาระบบนิเวศน์ และอื่นๆ 1,450 ล้าน ลบ.ม.และเพื่อการเกษตร 5,410 ล้าน ลบ.ม.
"ผลการจัดสรรน้ำทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.61 ถึงปัจจุบัน ใช้น้ำไปแล้ว 20,495 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 89 ของแผนจัดสรรน้ำ ส่วนในเขตลุ่มนํ้าเจ้าพระยา ใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล , เขื่อนสิริกิติ์ , เขื่อนแควน้อยบํารุงแดน , เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และลุ่มนํ้าแม่กลอง โดยวันนี้ระบายไป 41 ล้าน ลบ.ม.รวมใช้น้ำไปแล้ว 8,237 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 103 ของแผนจัดสรรน้ำ โดยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง เกินแผน 5.5 แสนไร่ จากแผนจัดสรรน้ำ 5.30 ล้านไร่ มีพื้นที่ปลูกแล้วรวม 5.85 ล้านไร่ นอกจากนี้ จากแผนปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศ 8.03 ล้านไร่ ปลูกเกิน 8.74 ล้านไร่ อยู่ระหว่างเก็บเกี่ยว 5.40 ล้านไร่ จึงขอความร่วมมือเกษตรกรงดปลูกนาปรังต่อเนื่อง เพื่อไม่นำน้ำสำรองฤดูหน้ามาใช้" นายทองเปลว กล่าว
กรมชลประทานเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือพื้นที่นาปีนาปรัง อุปโภคบริโภค พืชไร่ ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2561/2562 จํานวน 1,851 เครื่อง ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือตามพื้นที่ จํานวน 198 เครื่อง ในส่วนพื้นที่ปลูกข้าวนาปี พืชไร่ 9 จังหวัด เช่น อุตรดิตถ์ พิจิตร พะเยา ลำปาง น่าน ตาก บุรีรัมย์ เลย พื้นที่ปลูกนาปรัง 22 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ นครราชสีมา อุดรธานี ศรีสะเกษ นครพนม หนองคาย ยโสธร อุบลราชธานี นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี จันทบุรี ระยอง สุพรรณบุรี ราชบุรี และช่วยเหลือพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เช่น สุโขทัย เชียงราย แพร่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ เลย นนทบุรี ปทุมธานี ชัยนาท
นายทองเปลว กล่าวว่า ขณะนี้มีเขื่อนขนาดใหญ่มีน้ำน้อยกว่า 30% จำนวน 8 เขื่อน เช่น เขื่อนห้วยหลวง มีน้ำใช้การ 21% เขื่อนอุบลรัตน์ 1% เขื่อนลำปาว 22% เขื่อนลำพระเพลิง 23% เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 23% เขื่อนทับเสลา 15% เขื่อนกระเสียว 6% เขื่อนขุนด่านปราการชล 23% โดยมติคณะกรรมการร่วมใช้น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ให้ดึงน้ำก้นเขื่อนมาใช้อุปโภคบริโภค ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.
"ยืนยันว่าในพื้นที่เขตชลประทานจะไม่ขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน แม้จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลกระทบให้ฤดูแล้งยาวนานกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ได้ถูกจัดสรรอย่างเพียงพอไปจนถึงเดือน พ.ค.62 และยังเพียงพอสำหรับสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนด้วย" นายทองเปลว กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี