เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานมานานกว่า 30 ปี เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของสายกลาง และความไม่ประมาทคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในดำรงชีวิต ที่สำคัญจะต้องมีสติ ปัญญา และความเพียร ซึ่งจะนำไปสู่ความสุข ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
ว่าที่ ร.ต.ธีรพล โชคนำชัย นายอำเภอหนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า การทำเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินชีวิตและปฏิบัติตัวของประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ทันต่อยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการกระทบใดๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสมดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
ความพอเพียงตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนในสังคมได้ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ดี การนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการทำการเกษตร ช่วยให้เกษตรกรมีวิธีการทำการเกษตรที่ช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ สามารถช่วยผลิตอาหารที่มีคุณภาพและพอเพียงต่อความต้องการของพื้นฐาน ของผู้บริโภคได้ รวมทั้งเอื้ออำนวยให้เกษตรกร และชุมชนเกิดการพัฒนาได้อย่างอิสระ การนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำเกษตรนั้นจะช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพของชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นได้ ทำให้เกษตรกรสามารถลดรายจ่ายและสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือน อีกทั้งเราควรจะปลูกฝังให้กับรุ่นลูกรุ่นหลานได้เรียนรู้และปฏิบัติ โดยยึดหลักการทำเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงจะเกิดความยั่งยืน ในการทำการเกษตรได้อย่างแท้จริง
ว่าที่ ร.ต.ธีรพลกล่าวต่อว่า อ.หนองหญ้าไซ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก ได้แก่ ทำนา ทำไร่อ้อย ปลูกผัก และการเลี้ยงสัตว์ แต่ที่ผ่านมาการทำการเกษตรในเขตพื้นที่นอกเขตชลประทานและในเขตชลประทานบางส่วน ได้แก่ ต.หนองราชวัตร ต.ทัพหลวง ต.แจงงาม ต.หนองขาม ต.หนองหญ้าไซ และ ต.หนองโพธิ์ บางส่วน เกษตรกรจะประสบปัญหาภัยแล้งและแล้งซ้ำซากมาโดยตลอด และเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง อ.หนองหญ้าไซ จึงมีแนวคิดที่จะจัดทำโครงการ “สานต่อที่พ่อทำ” ขยายผลปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ (1 ไร่ แก้จน) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี โดยจัดหาแหล่งน้ำให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยและประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ให้มีน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งอย่างเพียงพอ และเป็นการพัฒนาการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยสนับสนุนการเพาะปลูกพืชให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชหมุนเวียน ได้แก่พืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้นไม้ประดับ และเลี้ยงปลาในสระน้ำ ได้ตลอดปี ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถลดรายจ่ายและสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน ทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้และดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพเสริม ลดรายจ่ายและสร้างรายได้ในครอบครัวเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำสำรองทางการเกษตรให้เกษตรกรไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งต่อไป ซึ่งจะได้นำเครื่องจักรกลไปช่วยขุดลอกคลองหนองบึงและสระ เพื่อตกแต่งพื้นที่ พร้อมเอาต้นไม้ไปปลูกให้กับเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งดูแลเรื่องน้ำในช่วงฤดูแล้ง เพื่อให้พืชผลได้เจริญเติบโต โดยเบื้องต้นจะมีเกษตรกรที่เข้าโครงการจำนวน 70 ราย อีกด้วย
โดยจะมีพิธีเปิดวันอังคารที่ 30 เมษายน 2562 ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.หนองราชวัตร อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี มี นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรี เป็นประธาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี