นายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำใน 8 จังหวัดภาคตะวันออก ว่า เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยฤดูแล้งปีนี้มีปริมาณน้ำในต้นทุนในแหล่งกักเก็บ 61 แห่งและน้ำใช้จากอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและแหล่งน้ำอื่นๆ รวม 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยจัดสรรน้ำไว้ใช้ทุกกิจกรรมรวม 2,000 ล้านถึง 30 มิถุนายน ที่เหลืออีกประมาณ 700 ล้านลบ.ม. สำหรับไวัใช้ต้นฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ได้คาดการณ์ว่าฝนปี 2562 จะน้อยกว่าปีปกติ กรมฯจึงมีมาตรการประหยัดน้ำเพิ่มเติม โดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชนลดใช้น้ำ 10% ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 เป็นต้นมา ทำให้ประหยัดน้ำได้เพิ่มอีกกว่า 100 ล้านลบ.ม. จึงมั่นใจได้ว่าแม้ฝนจะขาดไปจนถึงเดือนกันยายน ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และท่องเที่ยวของทางภาคตะวันออกจะมีน้ำใช้ ไม่ประสบปัญหาภัยแล้งแน่นอน
“แม้ปัจจุบันปริมาณน้ำต้นทุนในภาคตะวันออกจะเพียงพอกับความต้องการก็ตาม แต่ในอนาคตความต้องการใช้น้ำจะเพิ่มขึ้น กรมร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)ประเมินว่า ปี 2569 ทั้ง 8 จังหวัด ภาคตะวันออกต้องการน้ำประมาณ 2,530 ล้านลบ.ม. และปี 2579 จะเพิ่มเป็น 2,675 ล้านลบ.ม. และโดยเฉพาะการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งปัจจุบันต้องการน้ำประมาณ 1,313 ล้านลบ.ม จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,705 ล้านลบ.ม.ในปี 2569 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จำเป็นต้องจัดหาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นให้ได้อีกไม่น้อยกว่า 500 ล้าน ลบ.ม.ภายใน 20 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีน้ำต้นทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)อยู่แล้วประมาณ 1,440 ล้านลบ.ม.
สำหรับแผนจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมประกอบด้วย 5 แผนงานหลัก ได้แก่ 1.ปรับปรุงแหล่งน้ำ 7 แห่งที่มีอยู่เดิมเก็บน้ำได้เพิ่ม 102 ล้านลบ.ม. 2.สร้างแหล่งเก็บน้ำใหม่ลุ่มน้ำวังโตนด จ.จันทบุรี 4 แห่งได้ความจุน้ำรวม 309 ล้านลบ.ม. เพื่อจะผันน้ำมารองรับพื้นที่ EEC 100 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันการก่อสร้างสถานีสูบน้ำเสร็จแล้ว ส่วนอ่างเก็บน้ำดำเนินการแล้วเสร็จ 3 แห่ง ได้แก่ อ่างฯคลองประแกด อ่างฯคลองพะวาใหญ่ และอ่างฯคลองหางแมว สำหรับ อ่างฯวังโตนด มีความจุ 100 ล้านลบ.มอยู่ในขั้นตอนศึกษารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะสามารถผันน้ำได้ภายในปี 2566
3.การปรับปรุงสถานีสูบน้ำพานทอง เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาเติมอ่างฯ บางพระ 50 ล้านลบ.ม. ต่อปีคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2562 และระบบผันน้ำ อ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองค้อ-อ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อการบริหารจัดการร่วมกับการผันน้ำจากลุ่มวังโตนด-อ่างเก็บน้ำประแสร์ และการสูบน้ำกลับท้ายอ่างฯ จากคลองสะพาน-อ่างฯ ประแสร์ 4.สูบน้ำกลับท้ายอ่างฯ 1โครงการคือ ก่อสร้างระบบสูบผันน้ำคลองสะพาน-อ่างฯ ประแสร์ จะทำให้มีน้ำใช้การเพิ่มขึ้นอีก 50ล้านลบ.ม. และ5.การหาแหล่งน้ำสำรอง และบริหารจัดการความต้องการน้ำของเอกชน ซึ่งจะได้น้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 77 ล้าน ลบ.ม.
นอกจากนี้ กรมฯน้อมนำศาสตร์พระราชาเรื่องอ่างพวงมาใช้ในภาคตะวันออก โดยก่อสร้างระบบผันน้ำเชื่อมโยงระหว่างอ่างเก็บน้ำที่สำคัญเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการเกษตรมีน้ำสมบูรณ์พอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี