ผ่านไปแล้วสำหรับพิธีสำคัญ เพื่อบำรุงขวัญ และสร้างกำลังใจให้กับเกษตรกรในการเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก นั่นคือ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปี อันถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการทำนา การจัดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ ฤกษ์การไถหว่านอยู่ในระหว่างช่วงเวลา 08.29-08.49 น. ผู้ทำหน้าที่เป็นพระยาแรกนาคือนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ นางสาวกันยารัตน์นาคกูล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวดวงพร งามประดิษฐ์ นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการ กรมวิชาการเกษตร เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ นางสาวณัฐชยา ศรีสุขสวัสดิ์ นักวิชาการปฏิรูปที่ดินชำนาญการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นางสาวอาทิตยา ทองแกมแก้ว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนพระโคแรกนาขวัญ ได้แก่ พระโคเพิ่ม และพระโคพูน สำหรับผลการพยากรณ์ถึงความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารของประเทศในปี พ.ศ.2562 นี้ พระยาแรกนาได้เสี่ยงทายหยิบผ้านุ่งแต่งกาย หยิบได้ผ้า 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี ขณะที่การเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่งที่ตั้งเลี้ยงพระโค ผลเสี่ยงทาย พระโคกินข้าว น้ำ และหญ้า ได้ผลการเสี่ยงทายว่า ถ้าพระโคกินข้าว พยากรณ์ว่า ธัญญาหาร ผลาหาร จะบริบูรณ์ดี และถ้าพระโคกินน้ำหรือหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี...แม้ว่าผลการเสี่ยงทายจะช่วยให้กำลังใจเกษตรกรว่าปีนี้มีน้ำท่าอุมดมสมบูรณ์ดี แต่หากจะพิจารณาจากน้ำต้นทุนในเขื่อนต่างๆ ที่มีอยู่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่อยากให้ประมาทกันนะครับ...ช่วงนี้ เกษตรกรต้องพิจารณาเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ หากอยู่ในพื้นที่ทำนา แต่หากปริมาณน้ำน้อยก็ลดความเสี่ยงด้วยการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรอื่นๆ แทนการทำนาข้าว
การทำเกษตรหรือการประกอบอาชีพใดๆ ให้ประสบความสำเร็จ เรื่องของการบันทึกข้อมูลทางบัญชีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้นำข้อมูลต่างๆ ที่ได้ มาวิเคราะห์ เพื่อให้รู้ถึงต้นทุนที่แท้จริง รู้ความจำเป็นว่าสิ่งไหนต้องจ่าย สิ่งไหนต้องเลิก และด้วยความสำคัญดังกล่าว กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงได้จัดโครงการทำบัญชีส่งเสริมการออมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขึ้น เพื่อปลุกประชาชนให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีวินัยทางการเงิน และสร้างกลไกเข้มแข็งพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยศาสตร์พระราชา โดยได้จัดพิธีเปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับเกียรติจาก นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ ซึ่ง นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ บอกว่า โครงการทำบัญชีส่งเสริมการออมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีวินัยทางการเงิน เกิดกลไกที่เข้มแข็งในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนด้วยศาสตร์พระราชา โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร เยาวชนและประชาชนทั่วไป จำนวน 100,000 คน และกำหนดจัดกิจกรรมในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และสิ้นสุดในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมระยะเวลา 4 เดือน (เมษายน-กรกฎาคม 2562) แบ่งเป็น 2 กิจกรรม คือ 1.กิจกรรม “ทำบัญชีส่งเสริมการออม” เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมาย จำนวนไม่น้อยกว่า 100,000 คน ได้เกิดแรงกระตุ้นในการสร้างวินัยทางการเงิน ลดรายจ่าย ลดหนี้สิน มีเงินออม และ 2.กิจกรรม “สร้างพลังการออม : ออมเงิน ออมความดี” เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มเป้าหมายมีเงินออมเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าหมายมีเงินออมรวมกัน จำนวน 10,000,000 บาทโดยกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจประโยชน์ของการทำบัญชีและการมีเงินออม โดยข้อมูลทางบัญชีสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ผู้ทำบัญชีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ เกิดการต่อยอด สร้างเครือข่ายขยายผลในการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปพัฒนาตนเองและชุมชนต่อไป
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี