ปลายปี 2560 ไต้ฝุ่นใหญ่ลูกหนึ่งพัดมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก ชื่อ ไต้ฝุ่นดอมเรย ไต้ฝุ่นลูกนี้พัดผ่านตอนกลางของประเทศเวียดนามและต่อมายังประเทศไทย ทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของคนเวียดนามอย่างเหลือคณานับ การช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ แก่เวียดนามในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือ ทวิภาคี (bilateral) ก็มีมากหลาย น่าจะรวมทั้งประเทศไทยด้วย แต่การช่วยเหลือจากแอปเตอร์ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบ พหุภาคี (multilateral) ยังไม่เกิดขึ้น จนเมื่อทางประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นสมาชิกแอปเตอร์ ได้ยื่นความจำนงขอส่งข้าวสารช่วยเหลือเวียดนาม ตามการร้องขอของรัฐบาลเวียดนามผ่านทางกลไกความช่วยเหลือของ
แอปเตอร์ ผมจึงได้มีโอกาสเดินทางไปเวียดนาม ในช่วงต้นปี 2561 เพื่อร่วมพิธีการส่งมองข้าวแก่เวียดนามครับ
การช่วยเหลือข้าวแก่เวียดนามเป็นลักษณะฉุกเฉิน โดยไม่มีข้าวแอปเตอร์เก็บสำรองไว้ล่วงหน้า จึงต้องเริ่มต้นนับหนึ่งที่ละขั้นตอน ในสมัยก่อนๆ นั้น นับจากการร้องขอข้าวสาร จนถึงขนข้าวมาจนถึงมือผู้ประสบภัย จะใช้เวลา 6-8 เดือน นับว่าล่าช้ามาก เพราะขั้นตอนมีเยอะ แม้ว่าจะใช้เวลาการเดินเรือขนส่งจริงประมาณไม่ถึง 7 วัน แต่กระบวนการอื่นๆ นั้น กินเวลามาก เช่น การแปรสภาพข้าวเป็นข้าวสาร การคัดแยก คัดเกรด การบรรจุถุง และที่ช้าคือขั้นตอนทางศุลกากร ทั้งประเทศผู้ส่งและผู้รับ ซึ่งสำนักเลขานุการแอปเตอร์จะต้องเป็นผู้ประสานทั้งสองฝ่ายให้ตกลงเห็นพ้องต้องกัน เช่น จะบรรจุข้าวแบบ bag หรือ bulk ใส่คอนเทนเนอร์ไหม จะให้ส่งที่ท่าเรือไหนบ้าง กี่จุด ปัจจุบันแอปเตอร์ได้พยายามแก้ปัญหาขั้นตอนอุปสรรคต่างๆ ที่ว่านั้นจนสามารถลดระยะเวลาข้างต้น อย่างที่ได้ดำเนินการจริงของเวียดนามคราวนี้ ใช้เวลาเพียง 3 เดือน นับว่าเป็นที่พอใจของสมาชิกอย่างมาก กรณีการส่งข้าวทางเรือแบบท่าเรือถึงท่าเรือใน 2 ประเทศแบบเกาหลีใต้มาเวียดนาม หรือญี่ปุ่นไปฟิลิปปินส์นี้ ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่มีบางกรณีที่ส่งข้าวไปประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (landlocked) อย่าง สปป.ลาว นี่สิ จะยุ่งยากมากขึ้น เพราะต้องเทียบเรือขนข้าว ที่ท่าเรือแหลมฉบังของไทยก่อน แล้วขนข้าวด้วยทางบกจากแหลมฉบังไปเวียงจันทน์อีก รวมทั้งต้องมีขั้นตอนทางศุลกากรเพิ่มมากขึ้นอีก ผมเคยไปดูการขนข้าวผ่านแดนที่ท่าเรือแหลมฉบังครั้งหนึ่ง พบว่าพิธีการและขั้นตอนต่างๆ ถือเป็นของใหม่สำหรับผมเป็นอย่างยิ่ง
ท่าเรือที่เวียดนามต้องการให้เกาหลีใต้เอาข้าวมาส่งหนึ่งในสองที่ คือ ท่าเรือดานัง ความจริงมีสายการบินแอร์เอเชีย จากดอนเมืองถึงดานังตรงได้อยู่แล้ว แต่เวลาไม่เหมาะกัน ผมและคณะจึงต้องนั่งอ้อมไปกรุงฮานอย ก่อน และต่อเครื่องลงใต้มาดานัง ความจริงเมืองดานังนี้ ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2553 สมัยอบรมนักบริหารระดับสูงของก.พ.แต่ตอนนั้นเชื่อไหมว่าผมไปคณะใหญ่ทางรถบัสจากเมืองไทย วิ่งผ่านลาวเข้าเมืองเว้ แล้วไปดานัง รวมทั้งฮอยอัน ฉันรักเธอ ปัจจุบันดานังเปลี่ยนไปมากทีเดียว มีสนามบินใหม่ใหญ่โตโอ่อ่า มีรถประจำทางวิ่งในเมืองสภาพดีกว่ารถประจำทางในกรุงเทพฯเราเสียอีก มีโรงแรมทันสมัย มีภัตตาคารอาหารเวียดนามแท้ๆ ที่น่านั่ง ยามกลางคืนสว่างไสว ไม่มืดทึมเหมือนสมัยก่อนโน้น ตอนเช้าก็ได้มีโอกาสพบกับผู้ร่วมงาน มีผู้แทนเวียดนามและเกาหลีใต้ซึ่งพากันมาคณะใหญ่พอสมควร เพราะเป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้เข้าร่วมพิธีบริจาคข้าวภายใต้แอปเตอร์ นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรทั้งสองประเทศ เราเดินทางจากเมืองดานังออกไปจุดที่ทำพิธีประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง สังเกตเส้นทางคมนาคมของเวียดนาม ยอมรับว่าแล้วดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างผิดหูผิดตาจริงๆ
กระบวนการทำพิธีส่งมอบข้าวของประเทศสมาชิกแอปเตอร์ ก็ทำกันในลักษณะคล้ายๆ กัน ทั้งนี้เนื่องจาก ประเทศผู้รับข้าว เวลาจัดงานก็จะหารือกับทางสำนักงานเลขานุการแอปเตอร์ก่อนทุกครั้ง เราก็แนะนำไปว่าจะต้องอย่างโน้นอย่างนี้ เขาก็รับไปทำตาม อาจมีการปรับแต่งนิดหน่อย สำหรับในเวียดนามคราวนี้ ทำแบบง่ายๆ กะทัดรัดมาก แถมทางการเกาหลีใต้เขากำชัยว่าไม่ต้องการรบกวนใดๆ กับประเทศผู้รับ แม้แต่จะเลี้ยงอาหารกลางวันยังไม่ต้อง เสร็จพิธีแล้วก็เดินทางแยกย้ายกลับกันทันที ส่วนคณะผมทางเจ้าหน้าที่เวียดนามก็พาไปส่งที่สนามบินดานังทันทีเหมือนกัน แม้ว่าจะต้องรอเครื่องอีกกว่าครึ่งวัน ก็ง่ายและเร็วดีมากครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี